ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 17-18 มี.ค.ซึ่งระบุว่า การที่บีโอเจตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพราะประเมินว่าตลาดการเงินภายในประเทศจะยังคงอยู่ในภาวะ "ตึงตัว" ไปจนถึงสิ้นปีงบประมาณการเงินปัจจุบัน จึงทำให้บีโอเจต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่าตลาดจะมีเสถียรภาพในปีนี้
บีโอเจขยายการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากสถาบันการเงินภายในประเทศสูงถึง 1.8 ล้านล้านเยน จากเดิมที่ 1.4 ล้านล้านเยน และนับตั้งแต่บีโอเจลดดอกเบี้ยจนเหลือ 0.1%ในเดือนธ.ค. บีโอเจก็ได้เข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้เพื่อคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดการเงินและปกป้องประเทศจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นายทาโร่ อาโสะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีแนวโน้มว่า จะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 15.4 ล้านล้านเยน หรือ 1.54 แสนล้านดอลลาร์ในวันนี้ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจที่ดิ่งลงสู่ภาวะถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
มาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการบีโอเจระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวลงรุนแรงกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าบีโอเจจะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจในเดือนนี้
"เนื่องจากของเรายอดส่งออกทรุดตัวลง ขณะที่กำไรภาคเอกเชนและความเชื่อมั่นภาคธุรกิจก็อ่อนแอลง ทำให้เศรษฐกิจของเราชะลอตัวลงรุนแรงกว่าที่เราได้ประเมินไว้เมื่อเดือนม.ค." ชิรากาว่ากล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมบีโอเจเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ซึ่งที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0.1% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน