State Street Global Advisors ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบอสตันของสหรัฐ คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มทรงตัวเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยยาวนานส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในภาคเอกชน
"เราคาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะทรงตัวหรืออาจจะร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของภาคเอกชน และคาดว่าภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการไปอีกหลายไตรมาส" จอร์จ โฮเก็ต นักวิเคราะห์ของ State Street Global Advisors กล่าว
ผลประกอบการของบริษัทที่นำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหุ้นนิวยอร์กและคำนวนในดัชนี S&P 500 ร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 6 ไตรมาส และคาดว่าจะร่วงลงต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3 ปีนี้ ส่งผลให้ภาคเอกชนของสหรัฐปลดพนักงานจำนวนมากและทำให้อัตราว่างงานเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 85% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าจะพุ่งขึ้นแตะ 9.5% ในไตรมาสสี่ปีนี้
เมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้ว State Street Global Advisors เพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่เป็น “overweight" เพราะมองว่าประเทศตลาดเกิดใหม่ถูกกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกไม่มากนัก แต่วันนี้ State Street Global Advisors ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของตลาดหุ้นจีนลงเหลือ “overweight" หลังจากเศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบเกือบ 10 ปีในไตรมาสแรกของปีนี้
นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของแบงก์ ออฟ อเมริกา, อินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ คอร์ป (ไอบีเอ็ม) และเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันจันทร์ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยดัชนีการผลิตทั่วประเทศประจำเดือนมี.ค.และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมี.ค. และวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน