วีซ่า อิงค์ (Visa Inc.) บริษัทบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดในโลกเปิดเผยว่า ผลกำไรไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นสูงเกินคาด 71% เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายต้นทุนลดลงประกอบกับมีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของผู้บริโภคในสหรัฐที่ซบเซาท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
วีซ่าเปิดเผยว่า กำไรสุทธิประจำไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.อยู่ที่ 536 ล้านดอลลาร์ หรือ 71 เซนต์/หุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 314 ล้านดอลลาร์ หรือ 39 เซนต์/หุ้นในไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 31% ลงมาอยู่ที่ 766 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 13% แตะที่ 1.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในระดับ 1.61 พันล้านดอลลาร์ และสอดคล้องกับที่บริษัทคาดหวัง โดยรายได้เบื้องต้นของวีซ่ามาจากค่าธรรมเนียมบริการ รวมถึงขั้นตอนการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต
แม้ผลกำไรและรายได้ของวีซ่าจะขยายตัว แต่ยอดการชำระเงินผ่านบัตรวีซ่าลดลง 1% เหลือ 6.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. โดยยอดการชำระเงินของลูกค้าในสหรัฐลดลงกว่ายอดการใช้จ่ายโดยรวม แต่อัตราการชำระเงินที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในประเทศอื่นๆได้ช่วยชดเชยภาวะชะลอตัวดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ยอดผู้ถือบัตรเครดิตของวีซ่าเพิ่มขึ้น 8% เมื่อปีที่แล้วมาอยู่ที่กว่า 1.7 พันล้านราย
โจเซฟ ซอนเดอร์ส ประธานและซีอีโอของวีซ่ากล่าวว่า ยอดการใช้จ่ายด้านสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
อย่างไรก็ดี วีซ่าย้ำว่าผลกำไรตลอดทั้งปีนี้อาจขยายตัวขึ้นในระดับตัวเลข 2 หลักที่กว่า 20% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรตลอดปี 2552 จะเพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากปีที่แล้วมาอยู่ที่ 2.69 ดอลลาร์/หุ้น