นายผณิศวร ชำนาญเวช นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ลงนามในปฏิญญาว่าด้วยการจัดตั้งสมาพันธ์อาหารทะเลแห่งอาเซียน ร่วมกับสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งของสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ซึ่งถือเป็นการรวมกันครั้งแรกของภาคเอกชนอาเซียนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านอุตสาหกรรมอาหารของอาเซียน
ทั้งนี้มีการกำหนดความร่วมมือใน 6 ด้าน คือ การพัฒนาสินค้าและเทคโนโลยีด้านการผลิต, ความร่วมมือด้านมาตรฐานอาหาร คุณภาพและความปลอดภัยของอาหารสู่ผู้บริโภค, การสร้างความมั่นคงในปัจจัยการผลิต, ด้านการตลาด, ด้านการลงทุนในอาเซียน และด้านโลจิสติกส์
"ปัจจุบันผู้นำเข้าชอบกำหนดมาตรฐานนำเข้าอาหารแบบแปลกๆ พิสดาร โดยอ้างเพื่อความปลอดภัยผู้บริโภค ถ้าเราซึ่งเป็นผู้ผลิตกำหนดมาตรฐานอาหารให้ทั่วโลกยอมรับได้ ก็จะไม่มีผู้นำเข้ารายใดกำหนดมาตรฐานนำเข้าพิสดารได้อีก ทั้งๆ ที่ประเทศเหล่านั้นไม่มีอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่เหมือนไทย เช่น สวิสเซอร์แลนด์ที่เป็นคนตรวจมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ ทั้งที่ไม่มีการผลิตเลย แล้วจะรู้มาตรฐานได้อย่างไร" นายผณิศวร กล่าว
นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า การรวมกันเป็นสมาพันธ์จะสามารถผลักดันให้รัฐบาลแต่ละประเทศสมาชิกสำรองอาหารเพื่อความมั่นคง โดยเก็บไว้ในรูปของอาหารแช่แข็งหรืออาหารกระป๋องให้มีจำนวนมากพอจะบริโภคได้ในเวลา 2 ปี เพื่อไว้กินในยามขาดแคลนหรือเกิดภาวะฉุกเฉินนอกเหนือจากการสำรองข้าวอาเซียน
อย่างไรก็ตาม สมาพันธ์คงไม่ได้ร่วมกันกำหนดราคาขาย(ฮั้ว) สินค้าอาหารประมง หรืออาหารแช่เยือกแข็งในตลาดโลก แต่จะเป็นการรับรู้ข้อมูลการผลิต ต้นทุนการผลิต ราคาขายของประเทศสมาชิกให้รู้เท่าทันกัน เพื่อป้องกันการต่อรองหรือซื้อกดราคาจากผู้ซื้อมากกว่า