ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียปรับตัวลดลงในเดือนพ.ค. หลังรัฐบาลเตรียมผลักดันให้ประเทศเข้าสู่ภาวะขาดดุลงบประมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาหนักจนอาจทำให้อัตราว่างงานพุ่งสูงถึง 1 ล้านคนภายใน 2 ปี
ผลสำรวจผู้บริโภค 1,200 คนระหว่างวันที่ 11-17 พ.ค. ซึ่งจัดทำโดยเวสท์แพ็ค แบงค์กิง คอร์ป และ สถาบันเมลเบิร์น ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียร่วงลง 4.3% เหลือ 88.8 จุดเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย. ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 16 ติดต่อกันแล้วที่ดัชนีดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 จุด บ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีทัศนคติในแง่ลบมากกว่าแง่บวก
เวย์น สวอน รัฐมนตรีคลังออสเตรเลีย กล่าวในการกำหนดนโยบายประจำปีเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจะลดการให้ความช่วยเหลือด้านภาษี ลดการจ่ายสวัสดิการ และขึ้นค่าประกันสุขภาพสำหรับผู้มีรายได้สูง รวมถึงขายพันธมิตรมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีงบประมาณหน้า หลังเศรษฐกิจประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี
"นี่เป็นครั้งหนึ่งที่ดัชนีความเชื่อมั่นร่วงลงหนักสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา" บิล อีแวนส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท เวสท์แพ็ค ในซิดนีย์ กล่าว "แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกินความคาดหมายแต่อย่างใด เมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในตอนนี้"ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในกลุ่มผู้ที่มีรายได้เกิน 60,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี ร่วงลงกว่า 6.5% ส่วนความเชื่อมั่นในหมู่ผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 40,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี ลดลงราว 5%
อีแวนส์กล่าวว่าอีกปัจจัยที่ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงคือ การที่ธนาคารกลางออสเตรเลียตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 3% ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน