นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือน เม.ย.52 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.1% คิดเป็นมูลค่า 10,429 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าลดลง 36.3% คิดเป็นมูลค่า 9,834 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ในเดือน เม.ย.เกินดุลการค้า 595 ล้านดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกเดือน เม.ย.ลดลงเป็นผลจากปริมาณความต้องการสินค้าในตลาดโลกยังไม่ฟื้นตัว, ราคาสินค้าต่อหน่วยปรับตัวลดลงจากปีก่อน, ช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง และ เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ การส่งออกลดลงในทุกหมวดสินค้า ได้แก่ สินค้าเกษตร-อุตสาหกรรมเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา อาหารทะเลแช่แข็ง ผักผลไม้ อาหารทะเลแช่แข็ง ลดลง 24.4% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ อิเลคทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และอะไหล่ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ ลดลง 25.5% และสินค้าอื่นๆ ลดลง 29.4%
การส่งออกไปยังตลาดหลักลดลงสูงถึง 32% ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 51 ส่วนการส่งออกไปยังตลาดใหม่ลดลง 19.5%
ขณะที่การนำเข้าสินค้าสำคัญก็ปรับตัวลดลงทุกหมวดสินค้าเช่นกัน ได้แก่ กลุ่มเชื้อเพลิงลดลง 54.3% สินค้าทุนลดลง 26.8% สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปลดลง 36.4% สินค้าอุปโภคบริโภคลดลง 22.9% ยานพาหนะและอะไหล่ลดลง 39%
ส่วนช่วง 4 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-เม.ย.52) มียอดการส่งออก 44,216 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.9% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 36,566 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 37.3% ส่งผลให้ช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ไทยยังเกินดุลการค้า 7,650 ล้านดอลลาร์
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการส่งออกทั้งปีคงต้องขอเวลาในการประเมินสถานการณ์ร่วมกับภาคเอกชนอีกครั้งหนึ่งก่อน โดยประมาณการล่าสุดคาดว่าการส่งออกอาจจะขยายตัวติดลบราว 10%