นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกจากนี้จะปรับตัวดีขึ้น เพราะเชื่อว่ามูลค่าการส่งออกในเดือน เม.ย.52 น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว เพราะจากการหารือกับผู้ส่งออกได้รับการยืนยันว่าเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น ขณะที่ทูตพาณิชย์ในประเทศต่างๆ ระบุว่าเศรษฐกิจในหลายประเทศหยุดการทรุดตัวแล้ว เช่น จีน และสหรัฐฯ เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้น ดังนั้น จึงเชื่อว่าการส่งออกไทยเดือนต่อๆ ไปจะดีขึ้นหากไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความพลิกผันขึ้น
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ยังยืนยันว่าพยายามทำให้มูลค่าการส่งออกไทยในปีนี้ติดลบน้อยที่สุด หรือขยายตัวเป็นบวกได้ยิ่งดี ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการส่งออกและจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในเร็วๆ นี้
สำหรับเป้าหมายการส่งออกทั้งปีคงต้องขอเวลาในการประเมินสถานการณ์ร่วมกับภาคเอกชนอีกครั้งหนึ่งก่อน แต่จากประมาณการล่าสุดที่ได้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีไว้คาดว่าการส่งออกปีนี้อาจจะติดลบราว 10%
"งบประมาณปี 53 ในเบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์ถูกตัดจนเหลือน้อยกว่าปีก่อน ซึ่งในปีปกติคงไม่มีปัญหา แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีปัญหา เราจำเป็นต้องกระตุ้นการส่งออกให้มาก เพื่อไม่ให้ติดลบมาก จึงจำเป็นต้องหามาตรการเสริมเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการส่งออก ซึ่งกรมส่งเสริมการส่งออกอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการเพิ่มเติม เมื่อเสร็จแล้วจะนำเสนอ รมว.พาณิชย์ และครม.พิจารณาต่อไป แต่หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ การส่งออกจะติดลบประมาณ 10% ต้นๆ แน่"นายศิริพล กล่าว
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างการหามาตรการเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการส่งออก โดยกำลังหารือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.)เพื่อหามาตรการจูงใจให้กับผู้ส่งออก อาจเป็นการตั้งวงเงินปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ส่งออกไปยังตลาดโดยเน้นเฉพาะตลาดใหม่ที่มีส่วนแบ่งการไม่ถึง 1% ของการส่งออกรวมของไทย ซึ่งวงเงินอาจจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท หากจัดทำเสร็จแล้วจะเสนอ รมว.พาณิชย์ และ ครม.พิจารณาต่อไป
"เรื่องการขอคืนภาษีมุมน้ำเงิน กระทรวงพาณิชย์ทำรายละเอียดเสนอไปกระทรวงการคลังแล้ว ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร แต่หากไม่เห็นด้วย เราก็หาทางอื่นช่วยผู้ส่งออกต่อไป ซึ่งขณะนี้กำลังคุยกับ ธสน.อยู่ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย การส่งออกปีนี้ติดลบ 15% แน่นอน" นายราเชนทร์ กล่าว