"กรีนสแปน"ชี้วิกฤตการณ์การเงินในสหรัฐยังไม่สิ้นสุด คาดแบงค์สหรัฐยังต้องระดมทุนอีกมาก

ข่าวต่างประเทศ Thursday May 21, 2009 09:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า วิกฤตการณ์การเงินในสหรัฐยังไม่สิ้นสุดลงแม้ต้นทุนการกู้ยืมลดลงก็ตาม พร้อมกับเตือนว่าธนาคารพาณิชย์สหรัฐจะต้องระทุนทุนอีกจำนวนมาก

"ยังมีธนาคารอีกหลายแห่งในสหรัฐที่ต้องระดมเงินทุน และต้องระดมเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก สหรัฐยังต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ในตลาดปล่อยกู้จำนองไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าราคาบ้านจะฟื้นตัวขึ้น ผมเชื่อว่าระบบการธนาคารในสหรัฐยังขาดเงินทุนอีกมาก แม้ผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ระบุว่ามีเพียง 10 แบงค์ จากทั้งหมด 19 แบงค์ที่ต้องระดมทุนก็ตาม" กรีนสแปนกล่าวให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กที่วอชิงตัน

ผลทดสอบภาวะวิกฤติของ 19 สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่บ่งชี้ว่า มีธนาคาร 10 แห่งที่ต้องระดมทุนเพิ่มเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 7.46 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา จำเป็นต้องเพิ่มทุนมากที่สุดที่ระดับ 3.39 หมื่น ล้านดอลลาร์ ธนาคารเวลส์ ฟาร์โกต้องเพิ่มทุน 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์ บริษัท GMAC ต้องเพิ่มทุน 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์ ซิตีกรุ๊ป อิงก์ ต้องเพิ่มทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์ และมอร์แกน สแตนลีย์ ต้องเพิ่มทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์

กรีนสแปนกล่าวว่า "ภาวะขาดแคลนเงินทุนของธนาคารในสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนและผู้บริโภค อีกทั้งจะขัดขวางความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล สหรัฐกำลังยืนอยู่บนจุดที่ต้องตัดสินใจ ซึ่งหากตัดสินใจพลาดเพียงก้าวเดียวก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมไปอีกหลายปี และผมคงรู้สึกกังวลมากหากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าเกินไป"

อย่างไรก็ตาม กรีนสแปนเชื่อว่า ตลาดการเงินซึ่งเผชิญภาวะตึงตัวอย่างหนักนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า

"ที่ผ่านมานั้นตลาดการเงินทั่วโลกถูกทับถมด้วยกระแสความวิตกกังวลที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนับตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แต่ผมเชื่อว่าตลาดการเงินจะพลิกฟื้นขึ้นได้ภายในอีก 6-12 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าราคาบ้านในสหรัฐจะกลับมามีเสถียรภาพในปีหน้า และเชื่อว่าภาวะผันผวนในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะสิ้นสุดลงในปีหน้าด้วย" กรีนสแปนกล่าว

กรีนสแปนยังกล่าวด้วยว่า การที่กระทรวงการคลังสหรัฐเข้าลงทุนมูลค่า 2.50 แสนล้านดอลลาร์ด้วยการซื้อหุ้นในธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ ได้ช่วยลดช่องว่างอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์และอัตราดอกเบี้ยและอัตราการทำสว็อปแบบข้ามคืน ซึ่งการแทรกแซงของกระทรวงการคลังครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการกู้ยืม และจะช่วยลดแรงตึงตัวในตลาดการเงิน นอกจากนี้ การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการธนาคารด้วยวิธีนี้จะช่วยสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน และช่วยให้การระดมทุนในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีความไหลลื่นมากขึ้น สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ