นายกรัฐมนตรี คาดอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาสแรกของปี 52 จะหดตัวลดลงต่ำกว่าไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนที่ขยายตัวคิดลบ 5% ซึ่งนับว่าเข้าขั้นวิกฤตรุนแรงมาก แต่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่สอง
"มะรืนนี้(25 พ.ค.)สภาพัฒน์ฯ จะเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจไตรมาสแรก ผมเชื่อว่าแย่กว่าไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วที่ติดลบ 5% ไตรมาส 1 หนักกว่าแน่นอน แล้วก็ผมดูตัวเลขของประเทศในภูมิภาคที่ประกาศมาแล้วไตรมาส 1 ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี ติดลบอยู่ประมาณ 9-11% เพราะฉะนั้นไตรมาสที่ 1 ถือว่าหนักหนาสาหัสมาก" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างพบปะกับกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เกาะสมุย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พอเข้ามาเป็นรัฐบาลได้วางแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไว้ตั้งแต่แรกว่าสิ่งที่รัฐบาลทำได้เร็วที่สุดคือเข้าไปพยุงกำลังซื้อของคน เท่าที่ทำได้คือเงกระจายงบกลางปีลงไปสู่ท้องถิ่นตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.52 โดยหวังว่าจะให้เกิดผลกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมในไตรมาสที่สอง แต่ในเดือน เม.ย.เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองขึ้นอีก ทำให้ต้องกลับมาดูว่าในไตรมาสที่สองมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการไปจะช่วยชะลอการหดตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นรุนแรงในไตรมาสแรกได้อย่างไร
"ตัวเลขเบื้องต้นในเดือนเมษายนดูว่ามันมีโอกาสที่จะดีขึ้นถ้าเทียบตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นมา ตัวเลขหลายตัวตั้งแต่เดือนมีนาคม เมษายนนี้จะดีกว่า แต่มีความกังวลอยู่ว่าอาจจะเป็นแนวโน้มหลอกหรือเปล่า ในแง่ภาคการผลิตการใช้กำลังการผลิตจะขึ้นมา 60 เปอร์เซ็นต์แล้วต้องดูตัวเลขเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนต่อเนื่องไปด้วย แต่ผมค่อนข้างที่จะมองว่าการหดตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่สองน้อยกว่าไตรมาสแรก" นายอภิสิทธิ์ กล่าว