นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า แรงกดดันของวิกฤตเศรษฐกิจโลกถดถอยดูเหมือนว่าจะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นที่วางใจได้ และการปฏิรูปเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนต้องดำเนินไปด้วยความระมัดระวัง มิเช่นนั้นอาจทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกย่ำอยู่กับที่ไปอีกระยะหนึ่ง
ไกธ์เนอร์กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจคือการสร้างสมดุลและความมีเสถียรภาพในตลาดโลกโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจและข้อบังคับด้านการกำกับดูแลในตลาดเงินอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างคำกล่าวปราศรัยของนายไกธ์เนอร์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งของจีนว่า "วิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนเป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่ออนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆทั่วโลก"
ไกธ์เนอร์เผยว่า เศรษฐกิจโลกดูเหมือนว่าจะเริ่มคลายแรงกดดันลงแล้ว ขณะที่ระบบการเงินก็เริ่มได้รับการเยียวยา นอกจากนี้เศรษฐกิจยังมีปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงความมีเสถียรภาพและมีหลักประกันว่าตลาดเงินเริ่มหลุดพ้นจากภาวะตกต่ำแล้ว แต่ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นเพียงสัญญาณบ่งชี้ที่ดีเริ่มแรกที่สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น กระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจจำเป็นต้องอาศัยเวลาอีกระยะหนึ่ง"
นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์เสริมว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจนั้นจำเป็นต้องควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาที่นายโอบามาให้ไว้กับชาวสหรัฐในระหว่างการหาเสียง
โดยจีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งส่งผลให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลถึงคำมั่นสัญญาที่ประธานาธิบดีให้ไว้ในการปฏิรูปเงินงบประมาณขาดดุล ขณะเดียวกันตลาดเงินในสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มสะท้อนให้เห็นถึงการขึ้นดอกเบี้ยในระยะยาวซึ่งสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐ
ทั้งนี้ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของคณะทำงานภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐได้เดินทางเยือนจีนเป็นเวลา 2 วันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยมีกำหนดการณ์เข้าพบกับนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และหวาง จีชาน รองนายกรัฐมนตรีจีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น