ลิม เอ็ง เกียง รัฐมนตรีกระทรวงการค้าสิงคโปร์เปิดเผยว่า การขยายตัวของผลผลิตยาและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจจะสะดุดลง และเป็นอุปสรรคในการสกัดเศรษฐกิจสิงคโปร์ไม่ให้สามารถฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เศรษฐกิจดิ่งลงสู่ภาวะถดถอยครั้งรุนแรงนับตั้งแต่ได้รับเอกราชเมื่อ 44 ปีที่แล้ว โดยดีมานด์สินค้าจากประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ อย่างสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ยังคงอ่อนตัว ดังนั้น การฟื้นตัวด้านการค้าอาจจะยังไม่มีความแน่นอน
เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัว 20.4% ในไตรมาส 2 ซึ่งถือเป็นการขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบปี ส่งผลให้รัฐบาลปรับเพิ่มคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศปีนี้ ส่วนการส่งออกของประเทศที่อ่อนตัวลงเมื่อเดือนมิ.ย.นั้น จะได้รับอานิสงส์จากดีมานด์ที่สดใสในจีนและอินเดีย
บลูมเบิร์กรายงานว่า รมว.การค้า กล่าวว่า เราจำเป็นต้องรอดูการฟื้นตัวของดีมานด์ด้วยว่าจะสูงขึ้นมากกว่านี้หรือไม่ โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อที่เศรษฐกิจสิงคโปร์จะได้ขยายตัวอย่างยั่งยืน เราไม่ควรคาดหวังว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะออกมาในรูปของตัววี (V) และคาดว่าการฟื้นตัวจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
เออร์วิน เซียะ นักเศรษฐศาสตร์ของดีบีเอส แบงค์ กล่าวว่า การผลิตในภาคเภสัชกรรมและการส่งออกเภสัชภัณฑ์ที่สูงขึ้นช่วยให้อุตสาหกรรมการผลิตดีดตัวสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาสเมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โรงงานผลิตยาเองก็ปิดทำการเพื่อซ่อมบำรุงบ่อยครั้ง ก่อนที่จะเริ่มการผลิตครั้งต่อไป ส่งผลให้ผลผลิตในภาคธุรกิจนี้ไม่มีความแน่นอน
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวต่อไปว่า เมื่อพิจารณาจากธรรมชาติที่มีความผันผวนในธุรกิจเภสัชกรรมแล้ว มีความเสี่ยงสูงที่การผลิตจะชะลอตัวลง โดยเฉพาะหลังจากที่ผลผลิตออกมาแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมอื่นๆที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจจะมีส่วนช่วยชดเชยภาวะชะลอตัวดังกล่าว ซึ่งแนวโน้มการขยายตัวของภาคการผลิตนั้น จริงๆแล้วดูสดใส เนื่องจากทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มเกิดขึ้นแล้ว
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมบริการของสิงคโปร์หดตัวลงอย่างต่อเนื่องมา 3 ไตรมาสแล้ว และคาดว่า เศรษฐกิจจะหดตัวลงถึง 6% ในปีนี้ โดยยอดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศก็ร่วงลงหลังจากที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวจนทำให้ดีมานด์การท่องเที่ยวและการเดินทางหดตัวลง ส่งผลกระทบต่อยอดขายของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส และเอฟเจ เบนจามิน โฮลดิ้งส์