สตีเฟน ชอร์ค ประธานบริษัทที่ปรึกษา ชอร์ค กรุ๊ป อิงค์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบอาจทะยานแตะ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตลาดเติมเต็มช่องว่างของราคาที่เป็นแนวต้านทางเทคนิคมาตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยชอร์คกล่าวว่า ช่องว่างระหว่างราคาน้ำมันต่ำสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ค.และสูงสุดเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ได้ถูกทำลายลงระหว่างที่ราคาน้ำมันพุ่งถึง 7.1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือว่าเพิ่มมากสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. และเมื่อสามารถทะลุผ่านแนวต้านไปได้แล้ว ตลาดน้ำมันก็จะดีดตัวอย่างต่อเนื่องอย่างเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
"เมื่อช่วงว่างของราคาถูกทำลายลง โอกาสที่ราคาน้ำมันจะทะยานแตะ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล ก็เปิดกว้างกว่าเดิม" ชอร์คระบุผ่านทางอีเมล
ราคาน้ำมันทะยานแตะ 68.69 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ หลังตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นและเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยสัญญาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นถึง 53% แล้วในปีนี้หลังมีกระแสคาดการณ์ว่า อุปสงค์เชื้อเพลิงจะฟื้นตัวไปพร้อมกับเศรษฐกิจ ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดนิวยอร์กซื้อขายที่ระดับ 68.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 8.25 น.ตามเวลาสิงคโปร์
ย้อนไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ราคาน้ำมันดิบร่วงลงแตะ 58.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์ เนื่องจากในตอนนั้นทุกฝ่ายต่างวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมัน เพราะความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐลดลง ในขณะที่ปริมาณสต็อกน้ำมันก็เพิ่มขึ้น "แต่ในตอนนี้ตลาดได้ดีดตัวขึ้นแล้ว" ชอร์คกล่าว
ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทุกวันก็อาจทะยานแตะระดับ 73.38 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเคยทำไว้เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ภายในช่วงกลางสัปดาห์หน้า และอาจแตะ 75 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเคยทำไว้เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ในช่วงต้นเดือนหน้า สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน