ราคาบ้านของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยบรรเทาตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ถูกสั่นคลอนจากสถานการณ์เลวร้ายในตลาดแรงงาน
ดัชนีราคาบ้านของ S&P/Case-Shiller เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งนับเป็นการดีดตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.2549 และเป็นระดับการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ของช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นและการฟื้นตัวของตลาดหุ้นอาจช่วยหนุนให้สถานการณ์เลวร้ายยุติลงในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกันยังคงเลือกที่จะเก็บออมและควบคุมการใช้จ่ายเนื่องจากคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 10% ในต้นปีหน้า ซึ่งภาวะดังกล่าวจะฉุดรั้งการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี
ไมค์ วิทเนอร์ นักวิเคราะห์จากเวลล์ส ฟาร์โก ซีเคียวริตี้กล่าวผ่านทางบลูมเบิร์กว่า "ความเคลื่อนไหวของราคาบ้านที่ช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจถือเป็นข่าวดีที่ช่วยให้เราเบาใจว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้ แต่หลายคนยังมีความวิตกกังวลต่ออนาคตการทำงาน และการที่รายได้ภาคครัวเรือนลดลงก็เป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการใช้จ่ายในอนาคต"