อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์ทางรายการ “This Week" ของสถานีโทรทัศน์ ABC ในวันนี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี จะสิ้นสุดลงและเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวรวดเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
"เศรษฐกิจสหรัฐอาจขยายตัวในอัตรา 2.5% เมื่อดูจากตัวเลขสต็อกสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ว่าปริมาณการผลิตปรับตัวขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์ของผู้บริโภค ผมมีมุมมองในด้านบวกต่อเศรษฐกิจในระยะใกล้ เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีเสถียรภาพบ้างแล้ว แต่ในระยะยาวนั้น เศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงและตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งหากราคาบ้านดิ่งลงราว 5% เศรษฐกิจก็อาจจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง แต่หากราคาบ้านร่วงลงมากกว่า 10% เศรษฐกิจก็อาจจะยังอยู่ในภาวะหดตัว และจำนวนบ้านที่ถูกยึดเพราะหลุดจำนองก็จะพุ่งขึ้นด้วย" กรีนสแปนกล่าวในรายการ “This Week"กรีนสแปนยังกล่าวด้วยว่า "ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐดิ่งลงไปแตะก้นเหวแล้วและจะรีบาวด์ตามกลไก เมื่อคุณดูตัวเลขการผลิตรายสัปดาห์ในแต่ละภูมิภาค คุณจะเห็นว่าตัวเลขดังกล่าวฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.จนถึงกลางเดือนก.ค. ส่วนในด้านการจ้างงานนั้น ผมคาดว่าอัตราว่างงานจะยังคงเพิ่มขึ้น แต่ก็เพิ่มในอัตราที่ช้าลง จริงอยู่ที่ภาคเอกชนยังคงลดการจ้างงาน และเชื่อว่าจะลดลงในอัตราที่ช้าลงกว่าเดิม"
นอกจากนี้ กรีนสแปนเชื่อมั่นว่า ระบบการเงินของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในระบบการเงินได้รับการแก้ไขอย่างถูกทางและเห็นผล
บลูมเบิร์กรายงานว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐหดตัวลงในอัตรา 1% ต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะหดตัว 1.5% นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของสหรัฐ กำลังทุเลาลง และตัวเลขจีดีพีที่ดีเกินคาดมีขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐในเดือนมิ.ย.พุ่งสูงสุดในรอบ 8 ปีที่ 11% ซึ่งถือเป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่ย้ำให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เคยเลวร้ายถึงขีดสุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่นั้นเริ่มกลับมามีเสถียรภาพแล้ว