ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อาจขยายโครงการจัดสรรเงินกู้ฉุกเฉินต่อไปถึงปีหน้า เนื่องจากแผนการปล่อยเงินกู้ที่ใช้อยู่ในขณะนี้ยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้มากนัก
รายงานหลังการประชุมของบีโอเจเมื่อเดือนที่ผ่านมาระบุว่า ธนาคารจะขยายโครงการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินอีก 3 เดือนไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพราะเห็นว่ายังมีบางบริษัทที่ยังเผชิญอุปสรรคในการขอรับสินเชื่อ
"การขยายโครงการปล่อยเงินกู้กลายเป็นสิ่งจำเป็นหากธนาคารมองว่าสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถกล่าวได้ว่า การฟื้นตัวของภาคธุรกิจต่างๆเป็นผลมาจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ"นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการบีโอเจกล่าวในสัปดาห์นี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะไม่หวือหวา เนื่องจากอุปสงค์ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะกระตุ้นการขยายตัวเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน โดยเขากล่าวว่า ธนาคารจะยังเดินหน้าซื้อหุ้นกู้จากบริษัทต่างๆและปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้นจากระดับ 0.1%
"ปัญหาสำคัญคือทางบีโอเจจะสามารถรักษาแนวโน้มการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ได้หรือไม่" มาริ อิวาชิตะ นักวิเคราะห์จากไดวะ ซีเคียวริตี้ เอสเอ็มบีซี ในโตเกียวกล่าว "หากไม่สามารถทำได้ ธนาคารจำเป็นต้องขยายโครงการออกเงินกู้อีกครั้งซึ่งอาจลากยาวไปถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า"นอกเหนือจากบีโอเจที่ดำเนินการจัดสรรเงินกู้แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ได้เพิ่มกำหนดการซื้อพันธบัตรสหรัฐในวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ออกไปอีก พร้อมส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าปล่อยเงินกู้และกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษขยายโครงการซื้อสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากเดิม โดยชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอังกฤษรุนแรงกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมามีแนวโน้มขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี หลังการส่งออกและการใช้จ่ายผู้บริโภคฟื้นตัวขึ้นซึ่งช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากภาวะตกต่ำครั้งใหญ่ที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะขยายตัวในอัตรา 3.9% ต่อปีในช่วงไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักเป็นประวัติการณ์ 14.2% ในไตรมาสก่อนหน้านี้