นายเกล็น สตีเฟ่น ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียกล่าวว่า ธนาคารกลางอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับปกติ เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นแล้วหลังจากถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
"เรามองว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องพิจารณาว่าควรยกเลิกนโยบายผ่อนปรนทางการเงิน และจำเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลียจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับปกติ โดยปัจจุบันดอกเบี้ยยืนอยู่ที่ระดับ 3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปี" สตีเฟ่นเศรษฐกิจออสเตรเลียขยายตัว 0.4% ในไตรมาสแรก หลังจากหดตัวลงในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวลงครั้งแรกในรอบ 8 ปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำและมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ช่วยกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศ ขณะที่สตีเฟ่นคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียจะขยายตัวต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2
นอกจากนี้ ผลสำรวจความเห็นของบริษัทเอกชนในออสเตรเลียกว่า 400 แห่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจประจำเดือนก.ค.พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เด่นชัดมากขึ้น
โดยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่จัดทำโดยเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงค์ (NAB)ในเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 6 จุดสู่ระดับ 10 จุด จากอานิสงส์ของการขยายตัวด้านปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง ธุรกิจค้าส่ง การขนส่ง และการผลิตที่คึกคักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สตีเฟ่นกล่าวว่า "สิ่งที่เราได้รับจากการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำก็คือภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง จึงทำให้มองเห็นความเสี่ยงมากมายที่รออยู่ข้างหน้า ดังนั้น เราจึงต้องเริ่มพิจารณาปรับดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับที่ปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจต้องเผชิญกับความเสี่ยงมากเกินไป" บลูมเบิร์กรายงาน