แบงก์ ออฟ อเมริกา เตรียมเพิ่มทีมงานด้านโลหะและพลังงานอีก 25% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อรับมือกับธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดีดตัวขึ้นและสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์
ที่ผ่านมา ธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐแห่งนี้ได้จ้างพนักงานในจีน สิงคโปร์ อินเดีย และญี่ปุ่นอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ของแบงก์ ออฟ อเมริกามีพนักงานอยู่ประมาณ 600 คน
หลังจากที่แบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ปลดพนักงานไปถึง 46,150 คนตั้งแต่เกิดวิกฤตสินเชื่อเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ธนาคารจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อทำกำไรจากการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งขยายตัวขึ้นถึง 32% ตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา โดยบาร์เคลย์ส ซึ่งมีแผนเพิ่มเทรดเดอร์สินค้าโภคภัณฑ์อีก 20 คนในปีหน้าระบุว่า สินทรัพย์โภคภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของกองทุนรวม ตลอดจนดัชนีและผลิตภัณฑ์ที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 19% แตะ 2.09 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2
บลูมเบิร์กรายงานว่า เดวิด กู๊ดแมน หัวหน้าฝ่านสินค้าโภคภัณฑ์โลกของแบงก์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า ตอนนี้เห็นได้ว่านักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดที่เราทำธุรกิจอยู่ ธนาคารจึงอาจจะเพิ่มการลงทุนในโลหะอุตสาหกรรมมากขึ้น เพราะโลหะจะกลายเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของเราในอนาคต และเอเชียจะเป็นปัจจัยผลักดันหลักในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่จีนก็จะยังคงขับเคลื่อนตลาดของเราต่อไป
ทั้งนี้ รายได้ของแบงก์ ออฟ อเมริกาจากการขายและซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน และตราสารหนี้ เพิ่มขึ้นถึง 2.69 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 4 เท่า