ซูมิโตโม่ มิตซุย ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นแบงค์รายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่นเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด วางแผนที่จะจัดตั้งธุรกิจวาณิชธนกิจขึ้น โดยการจ้างกลุ่มนายแบงค์ อาทิ มาซูโอะ ฟูกุดะ และทาโร่ ฮายาชิ จากซิตี้กรุ๊ป อิงค์
ฟูกุดะ ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายธนาคารโลก และฮายาชิ ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายตลาดทุนของนิกโก ซิตี้กรุ๊ป จะเข้าร่วมงานกับนิกโก คอร์เดียล ซิเคียวริตีส์ของซูมิโตโม มิตซุย ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ โดยจะมีการย้ายพนักงานจากบริษัท นิกโก ซิตี้กรุ๊ปประมาณ 200 คนมาร่วมงานกับซูมิโตโม่ด้วยเช่นกัน
รายได้ของธุรกิจวาณิชธนกิจอาจจะช่วยหนุนให้ซูมิโตโม มิตซุย สามารถแข่งกับคู่แข่งรายอื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็นมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งวางแผนที่จะควบกิจการกับบล.กับธุรกิจในญี่ปุ่นของมอร์แกน สแตนลีย์ โดยเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซิตี้กรุ๊ปตกลงใจขายนิกโก คอร์เดียล และกิจการส่วนหนึ่งของนิกโก ซิตี้กรุ๊ป ให้แก่ซูมิโตโม่ มิตซุย เป็นเงิน 5.45 แสนล้านเยนห รือ 5.7 พันล้านดอลลาร์
บลูมเบิร์กรายงานว่า มาโกโตะ ฮากะ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโมเน็กซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า การแข่งขันในญี่ปุ่นมีความรุนแรงมากขึ้น ซูมิโตโม่ มิตซุย ต้องการให้บริการธุรกิจด้านการธนาคารอย่างครบวงจร เพื่อแข่งกับมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ และคู่แข่งรายอื่นๆ
แหล่งข่าวกล่าวว่า บริษัทมีหุ้นในไดวา ซิเคียวริตีส์ เอสเอ็มบีซี ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจร่วมทุนกับไดว่า ซิเคียวริตีส์ กรุ๊ป อิงค์ อยู่ 40% ธนาคารอยู่ในระหว่างการเจรจากับไดว่า เพื่อเพิ่มสัดส่วนหุ้นในบริษัทร่วมทุน
ซิตี้กรุ๊ป ได้ตกลงขายนิกโก คอร์เดียลและส่วนหนึ่งของธุรกิจอันเดอไรท์พันธบัตรและหุ้นที่นิกโก ซิตี้กรุ๊ปให้กับซูมิโตโม่ มิตซุยไปเมื่อเดือนพ.ค. โดยซิตี้กรุ๊ปได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการบรรเทาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) เมื่อปีที่แล้ว เพื่อให้องค์กรสามารถเอาตัวรอดจากภาวะล้มละลายได้ท่ามกลางภาวะการขาดทุนจากการปล่อยเงินกู้ซับไพรม์และหลักทรัพย์ต่างๆ