เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเงินยูโร หลังราคาน้ำมันดิบและตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นจนทำให้ความต้องการเงินดอลลาร์ที่เป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยลดลง
โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันเมื่อเทียบ 16 สกุลเงินหลัก ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในเดือนนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังคลี่คลายแล้ว
"สภาพเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มดีขึ้นแล้ว" โทโมคาซุ มัตสึฟูจิ ดีลเลอร์จากบริษัท เอสบีไอ ลิควิดิตี มาร์เก็ตส์ ในโตเกียว กล่าว "เงินดอลลาร์ที่มีความปลอดภัยกำลังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินดอลลาร์ซื้อขายที่ระดับ 1.4368 ดอลลาร์/ยูโร ณ เวลา 8:39 น.ตามเวลาโตเกียว จากระดับ 1.4341 ดอลลาร์/ยูโร เมื่อวานนี้ที่นิวยอร์ก และซื้อขายที่ระดับ 93.63 เยน/ดอลลาร์ จาก 93.52 เยน/ดอลลาร์ เมื่อวานนี้ ซึ่งในตอนนั้นเงินดอลลาร์ร่วงแตะ 93.22 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม ส่วนเงินยูโรซื้อขายที่ระดับ 134.53 เยน/ยูโร จาก 134.14 เยน/ยูโร เมื่อวานนี้
เงินยูโรแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ที่ 1.4406 ดอลลาร์/ยูโร เมื่อวานนี้ ในขณะที่ดัชนี Standard & Poor’s 500 บวก 0.3% หลังจากที่ร่วงลงกว่า 1.2%
ทั้งนี้ แอนดรู ชาเวเรียท นักยุทธศาสตร์การเงินจากบริษัท บีเอ็นพี พาริบาส เอสเอ ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ระดับ 1.4280 ดอลลาร์/ยูโร เป็นระดับที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากเงินยูโรเริ่มอ่อนค่าลงเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังพยายามฝ่าแนวดังกล่าว