ปิโตรไชน่า บริษัทน้ำมันและก๊าซรายใหญ่สุดของจีน เปิดเผยว่า ผลกำไรช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทร่วงลง 7.2% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงและอุปสงค์ที่อ่อนแอ อย่างไรก็ดี บริษัทชี้ว่าในไตรมาสสองของปีนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
ผลกำไรในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. อยู่ที่ 5.05 หมื่นล้านหยวน (7.4 พันล้านดอลลาร์) หรือ 0.28 หยวนต่อหุ้น เทียบกับระดับ 5.44 หมื่นล้านหยวน หรือ 0.10 หยวนต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ร่วงลง 24.7% มาอยู่ที่ 4.135 แสนล้านหยวน (6.08 หมื่นล้านหยวน)
ปิโตรไชน่าระบุในแถลงการณ์ถึงสาเหตุที่ทำให้ผลกำไรร่วงลงว่าเป็นเพราะราคาขายผลิตภัณฑ์หลักๆของบริษัทลดลง ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล อีกทั้งรายได้จากการซื้อขายผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ลดลง
ปิโตรไชน่าเผยว่า โรงกลั่นของบริษัทดำเนินการแปรรูปน้ำมันดิบ 389 ล้านบาร์เรลในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งลดลง 8.4% จากปีก่อน ส่วนราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบของบริษัทก็ร่วงลงเกือบ 56%
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในการซื้อขายวันนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนก.ค.ปีที่แล้วอยู่มาก
ก่อนหน้านี้ ปิโรไชน่าได้เตือนว่า บริษัทอาจเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากในการดำเนินธุรกิจปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อย่างไรก็ดี การดีดตัวแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2 แตะ 7.9% จากอัตราการขยายตัวที่ 6.1% ในไตรมาสแรก ได้ช่วยกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมันให้สูงขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ปิโตรไชน่าเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของเอเชียในแง่ปริมาณ และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดรวมมากที่สุดในโลกรองจากเอ็กซอน โมบิล คอร์ป