สกุลเงินในภูมิภาคเอเชียอ่อนตัวลงในวันนี้ โดยเงินวอนเกาหลีใต้ เปโซฟิลิปปินส์ และรูปีอินเดีย จะร่วงลงหนักสุด เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าจีนจะควบคุมอัตราการปล่อยกู้ ซึ่งอาจทำให้ยอดส่งออกสินค้าของเอเชียจะชะลอตัวลงด้วย
ดัชนี Bloomberg-JPMorgan Asia Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเคลื่อนไหวของ 10 สกุลเงินสำคัญในเอเชีย ร่วงลง 0.6% ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากสภาแห่งรัฐของจีนเปิดเผยว่า จีนกำลังศึกษามาตรการควบคุมภาวะกำลังการผลิตส่วนเกิน (overcapacity) ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อุตสาหกรรมเกิดใหม่ รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตพลังงานลม โดยเตือนว่าภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรมและโครงการซ้ำซ้อนในภาคอุตสาหกรรมกำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจีน นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังวางแผนควบคุมการขยายตัวด้านการลงทุนซึ่งเป็นผลมาจากการอัตราการปล่อยสินเชื่อที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้
ทั้งนี้ ณ เวลา 12.26 น.ในกรุงโซล ค่าเงินวอนดิ่งลง 0.2% แตะ 1,247.15 วอน/ดอลลาร์ ค่าเงินรูปีร่วงลง 1.5% แตะ 48.6650 รูปี ค่าเงินเปโซอ่อนตัวลง 1.5% แตะ 48.805 เปโซ/ดอลลาร์ และค่าเงินริงกิตร่วงลง 0.2% แตะ 3.5200 ริงกิต/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินบาททรงตัวอยูที่ 34.01 บาท/ดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.904 ดอลลาร์ไต้หวัน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินสิงคโปร์อ่อนตัวลง 0.2% แตะที่ 1.4419 ดอลลาร์สิงคโปร์/ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินเยนเป็นสกุลเงินเดียวในเอเชียที่แข็งค่าขึ้น หลังจากพรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้รับชัยชนะเหนือพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ด้วยคะแนนเสียง 308 ที่นั่ง จากที่นั่งในสภาทั้งหมด 480 ที่นั่ง โดยเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับ 92.65 เยน/ดอลลาร์
นอกเหนือจากการควบคุมอัตราการปล่อยกู้แล้ว รัฐบาลจะเพิ่มการควบคุมอุตสาหกรรมถ่านหิน พลังงาน ซีเมนต์ และเหล็กกล้า พร้อมกล่าวว่าการควบคุมการขายหุ้นและพันธบัตรของบริษัทต่างๆในภาคอุตสาหกรรมจะช่วยเสริมสร้างอุตสาหกรรมให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งมาตรการควบคุมดังกล่าวรวมถึงการคุมเข้มเรื่องการเข้าถึงตลาด การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม และการควบคุมการใช้ที่ดินให้เข้มงวดมากขึ้น บลูมเบิร์กรายงาน