ภาคอุตสาหกรรมบริการของสหรัฐหดตัวน้อยลงในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งหลังฐานที่แสดงให้เห็นว่า จุดต่ำสุดของวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำในครั้งนั้นกำลังสิ้นสุดลง
ดัชนีอุตสาหกรรมนอกภาคการผลิตของสถาบันจัดการอุปทานในเดือนส.ค.ขยายตัวแตะที่ 48.4 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนจากระดับ 46.4 จุดในเดือนก.ค. ทั้งนี้ ตัวเลขที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ถึงภาวะตกต่ำในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวซึ่งมีสัดส่วน 90% ของเศรษฐกิจในสหรัฐ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พยายามที่จะแก้ปัญหาในตลาดสินเชื่อขณะที่รัฐบาลออกมาตรการต่างๆ อาทิ การเพิ่งแรงจูงใจทางภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรก ซึ่งช่วยกระตุ้นความต้องการและอาจช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้นในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม รายงานเศรษฐกิจอีกฉบับหนึ่งระบุว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งช่วยตอกย้ำกระแสคาดการณ์ของเฟดที่ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคจากภาวะซบเซาในตลาดแรงงาน
ไนเจล กอลท์ นักวิเคราะห์จากไอเอชเอส โกลบอล อินไซท์ อิงค์กล่าวว่า "เศรษฐกิจใกล้ฟื้นตัวดีขึ้น และขณะนี้ก็อาจกล่าวได้ว่าเราผ่านพ้นช่วงของการตกต่ำมาแล้ว อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมทุกด้าน ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะเริ่มเห็นถึงอัตราจ้างงานที่เพิ่มขึ้น"
โดยกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 รายสู่ระดับ 570,000 รายในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ส.ค. แต่ยังสูงกว่าระดับ 564,000 รายที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์จากโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่า ในคืนนี้ (ตามเวลาในประเทศไทย) กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ที่ลดลง 230,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี ขณะที่อัตราว่างงานมีแนวโน้มพุ่งแตะที่ 9.5%
ทั้งนี้ ข้อมูลอุตสาหกรรมภาคบริการที่ดีขึ้นเป็นปัจจัยหนุนที่ช่วยให้ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่ง 0.9% เมื่อคืนนี้ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะ 10 ปีขยายตัวแตะที่ 3.34% จากระดับ 3.31%