บริษัท เจแปน สตีล เวิร์คส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเตาปฏิกรณ์ปรมาณูให้กับบริษัท อเรวา เอสเอ, โตชิบา คอร์ป และบริษัทรายอื่นๆ คาดการณ์ว่าการก่อสร้างโรงงานนิวเคลียร์ในจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเพราะผลพวงจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม
นายอิคูโอะ ซาโตะ ประธานเจแปน สตีล เวิร์คส์ คาดว่า จีนจะสร้างเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกราว 22 แห่งในระยะเวลา 5 ปีซึ่งสิ้นสุด ณ ปีพ.ศ. 2553 ซึ่งจะทำให้จีนมีเตาปฏิกรณ์ปรมาณูเป็น 132 แห่ง เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 60 แห่ง ขณะที่เจแปน สตีล เวิร์คส์ มีโรงงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวในภูมิภาคตอนกลางของจีน
บลูมเบิร์กรายงานว่า จีนซึ่งเป็นผู้ใช้พลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ กำลังเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายด้านพลังงานนิวเคลียร์ ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.86 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ควบคู่ไปกับการควบคุมการแพร่กระจายของก๊าซเรือนกระจก ซี หยาง นักวิเคราะห์จาก UOB-Kay Hian Ltd ในเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า "ศักยภาพการลงทุนโรงงานนิวเคลียร์มีสูงมาก มีบริษัทในจีนเพียงไม่กี่รายที่มีสิทธิพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ แต่จีนก็เปิดโอกาสในบริษัทต่างชาติเข้ามาใช่วยสร้างเตาปฏิกรณ์ปรมาณูและจัดหาอุปกรณ์เพื่อโครงการดังกล่าว"
กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า จีนเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้น้ำมันและถ่านหินรายใหญ่สุดของโลกในปีพ.ศ.2549 รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา รัสเซีย อินเดีย และญี่ปุ่น