กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของโลก ขอต่อต้านสหรัฐอเมริกาที่ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าท่อเหล็กจากจีนสูงสุดในอัตรา 31%
"ทางการจีนรู้สึกกังวลที่สหรัฐตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าท่อเหล็กในอัตราสูงสุดจากจีน และเราต่อต้านเรื่องนี้อย่างรุนแรง" โฆษกกระทรวงพาณิชย์จนกล่าว
ทั้งนี้ สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าท่อเหล็กจากจีนในอัตราเฉลี่ยที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งจะเพิ่มเป็น 21.3% หลังจากที่รัฐบาลได้ตกลงกับกลุ่มผู้ผลิตเหล็กในสหรัฐ ซึ่งนำโดยบริษัทยู.เอส สตีล คอร์ป ที่ได้รับเงินสนับสนุนการนำเข้าโดยไม่เป็นธรรม
การที่สหรัฐกำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือบริษัทเหล็กในประเทศได้ แม้ว่าดีมานด์ท่อเหล็กจะปรับตัวลดลงหลังจากที่ราคาเหล็กทรุดตัวลงในปีที่แล้ว และความเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการเรียกร้องความเป็นธรรมทางการค้าต่อจีน ซึ่งในวันที่ 17 ก.ย.นี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐจะต้องตัดสินใจกรณีภาษีนำเข้ายางจากจีนด้วยเช่นกัน
โจแอน ธอร์นตัน นักวิเคราะห์จากคอนเซปท์ แคปิตอลกล่าวกับบลูมเบิร์กว่า "ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะจุดกระแสร้องเรียนด้านการค้ามากขึ้น ซึ่งบริษัทหลายแห่งจะอาศัยโอกาสนี้ในยามที่แต่ละประเทศมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกีดกันทางการค้า"
อย่างไรก็ตาม ทางการจีนพยายามหาทางสกัดการเพิ่มการจัดเก็บภาษีท่อเหล็กในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนเป็นอีกภาคอุตสาหกรรมหนึ่งที่อาจเผชิญชะตากรรมเดียวกัน
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐเปิดเผยว่า ในปีที่แล้ว ผู้ผลิตท่อเหล็กของสหรัฐสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าแตะที่ 2.42 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ เพราะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ได้กระตุ้นอุปสงค์สินค้าดังกล่าว ส่งผลให้การนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สหรัฐยังมีกำลังการผลิตและมีการจ้างงานในภาคธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน บลูมเบิร์กรายงาน