ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐกล่าวต่อคณะกรรมการธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐว่า ภาคการเงินเริ่มมีเสถียรภาพแล้วในขณะนี้ หลังจากรัฐบาลทุ่มเทความพยายาม รวมถึงการใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะคืนเงินกู้ให้กับรัฐบาลมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในอีก 18 เดือนข้างหน้า
"เศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว และจะกลับมาขยายตัวอย่างเต็มรูปแบบได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การที่ภาคการธนาคารฟื้นตัวขึ้นอาจทำให้กระทรวงการคลังชะลอโครงการปล่อยกู้ฉุกเฉิน หลังจากประกาศใช้ตั้งแต่ปีที่แล้วเนื่องจากเศรษฐกิจถูกกระทบอย่างหนักจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส" ไกธ์เนอร์กล่าวไกธ์เนอร์ยังกล่าวด้วยว่า "ปัญหาในระบบการเงินของสหรัฐได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด รัฐบาลไม่ต้องการให้มีสถาบันการเงินแม้เพียงแห่งเดียวที่เผชิญปัญหาเพียงลำพัง แม้เราต้องเผชิญกับความท้าทายอันใหญ่หลวงในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม จนถึงขณะนี้ภาคการธนาคารของสหรัฐสามารถยืนขึ้นได้และได้จ่ายเงินคืนโครงการเงินกู้ฉุกเฉินไปแล้วกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ จากทั้งหมด 2.50 แสนล้านดอลลาร์"
อย่างไรก็ตาม ไกธ์เนอร์ยอมรับว่า เศรษฐกิจยังต้องเผชิญกับอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 9.7% ซึ่งมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% อัตราว่างงานที่สูงขึ้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคผิดนัดชำระเงินกู้ซื้อบ้าน โดยเมื่อวานนี้ เรียลตี้แทรค อิงค์ ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ให้บริการข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จำนวนบ้านถูกยึดในสหรัฐประจำเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 18% แตะที่ 358,471 หลัง ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 6 เดือน เอพีรายงาน