เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ซึ่งทำผลงานได้ดีเป็นอันดับ 2 ของโลกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อ่อนค่าลงมากสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคมร่วงหนักเกินคาดจนทำให้เกิดความวิตกว่าสกุลเงินดังกล่าวแข็งค่าเร็วเกินไป
ด้านเงินดอลลาร์ออสเตรเลียก็อ่อนค่าจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งมีสัดส่วนเกินครึ่งของยอดส่งออกของประเทศได้ปรับตัวลดลง นอกจากนั้นสกุลเงินทั้งสองยังอ่อนค่าลงหลังจากที่จีนประกาศสอบสวนกรณีทุ่มตลาดในในอุตสาหกรรมยานยนต์และผลิตภัณฑ์จากไก่ของสหรัฐ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐตัดสินใจเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จีนเพิ่ม
"เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ถูกเทขายค่อนข้างหนักหลังมีการเปิดเผยยอดค้าปลีก" ทิม เคลเลเฮอร์ จากคอมมอนเวลท์ แบงค์ ออฟ ออสเตรเลีย กล่าว "ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สกุลเงินจะอ่อนค่าลงบ้างหลังจากที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด"บลูมเบิร์กรายงานว่า เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่า 1.3% แตะ 69.85 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ณ เวลา 14.09 น.ตามเวลาเวลลิงตัน จากระดับ 70.74 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ในนิวยอร์กเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งในวันนั้นได้แข็งค่าแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2551 และอ่อนค่าแตะ 63.14 เยน/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จาก 64.17 เยน/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ด้านเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่า 0.7% แตะ 85.75 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 86.34 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลียในนิวยอร์กเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งในวันนั้นได้แข็งค่าแตะ 86.76 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2551 และอ่อนค่าลง 1% แตะ 77.50 เยน/ดอลลาร์ออสเตรเลีย