ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่เมืองพิตต์สเบิร์กว่า เสียงส่วนใหญ่ของผู้นำกลุ่ม G20 ยังคงสนับสนุนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลก นอกจากนี้ ผู้นำกลุ่ม G20 ยังสนับสนุนให้ชาติสมาชิกลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมส่งออก
ไกธ์เนอร์กล่าวว่า สกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันเขาเชื่อว่ากลุ่มผู้นำ G20 จะเห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะทำงานบารัค โอบามา ที่สนับสนุนให้ชาติสมาชิก G20 ลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมส่งออกและหันมากระตุ้นอัตราการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างสมดุล นอกจากนี้ อัตราการออมในสหรัฐที่สูงขึ้นในปีนี้ถือเป็น "สัญญาณเชิงบวก" ที่บ่งบอกว่ารัฐบาลสามารถลดการแทรกแซงตลาดได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
การเปิดเผยของไกธ์เนอร์มีขึ้นหลังจากดัชนีดอลลาร์ หรือ Dollar Index ดิ่งลง 11% นับตั้งแต่คณะทำงานโอบามาเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.ปีนี้ ส่งผลให้รัฐบาลหลายประเทศรวมถึงจีนและรัสเซียเรียกร้องให้ทั่วโลกหันมาใช้สกุลเงินทางเลือกใหม่ คือสกุลเงิน SDR (special drawing right) แทนสกุลเงินดอลลาร์
ทั้งนี้ ไกธ์เนอร์ยืนยันว่า สหรัฐมีส่วนรับผิดชอบโดยตรงที่จะทำให้สกุลเงินดอลลาร์ยังคงสถานะการเป็นสกุลเงินในระบบทุนสำรองของโลก และสร้างความเชื่อมั่นให้ทั่วโลกเห็นว่าระบบการเงินของสหรัฐมีเสถียรภาพ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าผู้นำประเทศทั่วโลกจะสนับสนุนดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินหลักของโลกต่อไป
นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์กล่าวว่า นอกเหนือจากการหารือเรื่องสกุลเงินดอลลาร์แล้ว ผู้นำกลุ่ม G20 จะอภิปรายเรื่องการยกเครื่องกฎข้อบังคับด้านการเงิน ควบคุมการจ่ายเงินให้กับผู้บริหารธนาคาร และกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการสำรองสภาพคล่องเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งไกธ์เนอร์เชื่อว่าการประชุม G20 รอบนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางปฏิบัติครั้งใหญ่
"สหรัฐต้องการเป็นผู้นำที่เป็นแบบอย่างในเรื่องการเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับด้านการเงิน นอกจากนี้ สหรัฐต้องการเปิดทางให้กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แม้หลายประเทศในยุโรปกังวลว่าจะสูญเสียอิทธิพลในสถาบันทั้ง 2 แห่งนี้ก็ตาม" ไกธ์เนอร์กล่าว บลูมเบิร์กรายงาน