บิล กรอส กูรูด้านการเงินชื่อดังและประธานบริหารแปซิฟิก อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ (พิมโค) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนพันธบัตรรายใหญ่สุดของโลก คาดการณ์ว่า นักลงทุนทั่วโลกจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นเพียง 5% ต่อปี เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและออมเงินเพิ่มขึ้น
"กำไรที่ได้จากการซื้อขายหุ้นจะน้อยมากเมื่อดูจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ยังคงอ่อนแอ โดยปัจจุบันตัวเลขจีดีพีพื้นฐานทั่วโลกอยู่ที่ระดับ 2-3% และตัวเลขจีดีพีที่แท้จริงอยู่ที่ระดับ 1-2% เท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะไร้เสถียรภาพด้านกฎข้อบังคับของรัฐบาล, อัตราการอุปโภคบริโภคที่ต่ำ และอัตราการขยายตัวที่อ่อนแอของเศรษฐกิจ" กรอสกล่าวตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราการออมส่วนบุคคลพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าอัตราการออมส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว แต่การออมมากกว่าการใช้จ่ายอาจเป็นปัจจัยที่ขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ กรอส แสดงความคิดเห็นว่าการที่กระทรวงการคลังสหรัฐพยายามดูแลยอดขาดดุลงบประมาณให้อยู่ที่ราว 3% ของตัวเลขจีดีพี จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 12.9% ในปีนี้นั้น ไม่เพียงพอต่อการปกป้องอันดับความน่าเชื่อของสหรัฐซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ AAA แต่เฟดมองว่า งบดุลบัญชีของเฟดควรจะเพิ่มเป็น 5-6 ล้านล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐจะหดตัวลงในอัตรา 1.2% มากกว่าที่มีการรายงานในเบื้องต้นว่าหดตัว 1% สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 2 ในวันนี้ตามเวลาในประเทศไทย บลูมเบิร์กรายงาน