องค์กรกำกับตรวจสอบสถาบันการเงินอังกฤษ (Financial Services Authority: FSA) เรียกร้องให้ธนาคารรายใหญ่ของประเทศส่งข้อมูลในการจัดโครงสร้างการลดการจ่ายเงินภาษีของธนาคาร รวมทั้งข้อแนะนำที่ธนาคารให้กับลูกค้ากลุ่มบริษัทเอกชน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นสวนหนึ่งของแผนการตรวจสอบธนาคารในชื่อ Arrow visits ซึ่งประเด็นเรื่องภาษีนั้นส่วนใหญ่จะเป็นงานที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานภาษีและรายได้กระทรวงคลังอังกฤษ
การที่รัฐบาลต้องให้เงินช่วยเหลือธนาคารของอังกฤษที่มีปัญหาด้านการเงินวงเงิน 1.4 ล้านล้านปอนด์ หรือ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ และเสียงเรียกร้องจากทั่วโลกทำให้ธนาคารเหล่านี้ต้องวางแผนรับมือหากว่ามีแนวโน้มที่จะล้มละลาย ส่งผลให้ FSA ให้ความสนใจกับแผนการดำเนินการด้านภาษีของธนาคาร โดยประเด็นนี้ยังทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ตามมาหลังจากที่อังกฤษได้เข้าไปช่วยเหลือด้านการเงินด้วยการซื้อหุ้นในโรยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ กรุ๊ป และลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป
บลูมเบิร์กรายงานว่า บ็อบ เพนน์ ทนายความของอัลเลน แอนด์ โอเวอรี แอลแอลเอฟ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่ามีแรงกดดันมากขึ้นกับลูกค้ารายใหญ่ของเรา ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญในเชิงระบบ เรื่องนี้ได้รับแรงหนุนทางการเมือง เราจำเป็นต้องดูว่า ผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายอันเนื่องมาจากกลไกการวางเผนด้านภาษีของธนาคารเหล่านี้คืออะไร
FSA ระบุเมื่อเดือนก.ค.ว่า ได้เริ่มตรวจสอบดูว่า จะสามารถลงโทษธนาคารที่มีโครงการเลี่ยงภาษีได้หรือไม่ โดยยอดขาดดุลงบประมาณของอังกฤษมีแนวโน้มว่าจะสูงกว่า 12% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในปีหน้า ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดในบรรดากลุ่มประเทศ G20
ประเด็นเรื่องดังกล่าวได้มีกาหารือกันในการประชุม G20 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน กรณีการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ่งเมื่อปีที่แล้วส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและยังทำให้ผู้บริหารทั่วโลกเรียกร้องให้แบงค์ต่างๆลดความซับซ้อนในโครงสร้างธุรกิจของตนเอง เพื่อที่จะได้ขายสินทรัพย์ได้โดยสะดวกหากว่าองค์กรต้องประสบภาวะล้มละลาย