กลุ่มธนาคารพาณิชย์ในออสเตรเลียเริ่มเดินเครื่องว่าจ้างพนักงานเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว หลังจากที่สถาบันการเงินในประเทศมียอดปลดพนักงานถึง 9,185 ตำแหน่งนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ออสเตรเลียเผชิญกับวิกฤตการณ์ในตลาดเงินครั้งรุนแรง
เมื่อวานนี้รัฐบาลออสเตรเลียรายงานว่า อัตราว่างงานร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากนายจ้างว่าจ้างพนักงานเพิ่มมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี โดยเฉพาะนายจ้างในกลุ่มสถาบันการเงินทั้งในนครซิดนีย์และเมลเบิร์น
ซาแวนท์ เซบาสเตียน นักวิเคราะห์จากคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลียกล่าวว่า "ภาคธุรกิจต่างๆที่เผชิญแรงกดดันจากวิกฤตการเงินทั่วโลกเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้เป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นภาคการบริการทางการเงิน วาณิชธนกิจ บริการด้านธุรกิจค้าปลีกและงานด้านทรัพยากรบุคคล"
อัตราจ้างงานที่พุ่งสูงขึ้นคือเหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้นายเกลน สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ โดยเขากล่าวว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียจะขยายตัวดีขึ้นหลังหลุดพ้นจากภาวะถดถอย ภายใต้ปัจจัยหนุนของการใช้จ่ายภาครัฐในวงเงิน 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) รวมถึงอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์จากประเทศจีน สำนักงานสถิติออสเตรเลียรายงานว่า อัตราจ้างงานเดือนกันยายนปรับตัวสูงขึ้น 40,600 อัตรา ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์จากโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าอัตราจ้างงานจะยังทรงตัวหรือปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลดลงสู่ระดับ 5.7% จากระดับ 5.8% โดยรัฐนิวเซาท์และรัฐวิคตอเรียอัตราว่างงานลดลงมากที่สุดในระดับ 5.6% และ 6.2% ตามลำดับ
แอนดริว บุชฟิลด์ ผู้อำนวยการบริษัทโรเบิร์ต ฮาล์ฟ ออสเตรเลีย ในซิดนีย์กล่าวว่า "ธนาคารพาณิชย์เริ่มจ้างพนักงานใหม่อีกครั้ง เพราะภาคธุรกิจดังกล่าวมีความต้องการบุคลากรด้านการเงินเป็นจำนวนมาก"