นักวิชาการ-เอกชนหนุนรัฐฉวยจังหวะปฏิรูป รฟท.หลังผู้บริหาร-พนง.ยอมรับมีปัญหา

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 19, 2009 16:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสังสิต พิริยะรังสรรค์ ประธานและผู้อำนวยการโครงการปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กล่าวว่า รัฐบาลควรจะอาศัยโอกาสที่พนักงานและผู้บริหาร การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ออกมายอมรับว่าอุปกรณ์และบุคลากรของรฟท.บางส่วนไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์และอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุ ในการเข้ามาปรับปรุง รฟท.ครั้งใหญ่ ทั้งเรื่องของคน ระบบการจัดการ รวมไปถึงตัวรถ การเดินรถ และอุปกรณ์ต่างๆ

อย่างไรก็ตาม นายสังสิต เห็นว่าการที่สหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทย(สร.รฟท.)หยุดเดินรถขบวนสายใต้ในขณะนี้ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก และยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะรถไฟถือเป็นการขนส่งสินค้าที่สำคัญซึ่งความเสียหายดังกล่าวไม่สามารถประเมินมูลค่าได้

“การหยุดงานของรัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชน อย่างรถไฟ มิใช่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก รัฐบาลคงต้องมาดูเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที เพื่อหาทางออกที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงหรือพัฒนาอย่างไรให้ทุกฝ่ายยอมรับ" รศ.ดร.สังศิต กล่าว

ด้านนายเกริกกล้า สนธิมาศ ประธานสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย ในฐานะคณะกรรมการตรวจรับผลการศึกษาโครงการศึกษาเพื่อปรับปรุงโครงสร้างการขนส่งทางรถไฟของประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางภาครัฐมีการศึกษาเรื่องการปรับปรุงการรถไฟมาระดับหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นขณะนี้ต้องมองลึกลงไปว่าในอนาคตจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งการศึกษาแบ่งเป็น 3 ระดับคือ 1.จะต้องมีการปรับปรุงเรื่องกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการพัฒนา 2.เปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการ และ 3.ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ จากแนวโน้มกระแสเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมองว่ารัฐบาลอาจจะต้องเข้ามาสนับสนุนไปก่อนระยะเวลาหนึ่งโดยปรับรูปแบบ การบริหาร รฟท.เป็นกรมรถไฟ เพื่อจะสามารถใช้งบประมาณรัฐได้อย่างเต็มที่ โดยนำงบประมาณนั้นมาใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางทั้งหมด ส่วนในเรื่องของการเดินรถควรใช้ระบบการแข่งขัน โดยอาจจะเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม

“เรื่องการเดินรถนั้นก็ทำได้ในรูปแบบของ บขส หรือ รฟม.ที่ให้ภาคเอกชนมาดำเนินการ โดยกรมรถไฟเองก็อาจจะมีรถของตัวเองด้วย แต่ก็ต้องแข่งกับเอกชน ซึ่งหากทำเช่นนั้นก็เชื่อว่าพนักงานการรถไฟคงไม่กล้าหยุดเดินรถอีก" นายเกริกกล้า กล่าว

ในฐานะของภาคเอกชนซึ่งต้องพึ่งพาการขนส่งระบบรางเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการขนส่งที่ประหยัดและช่วยลดมลพิษ อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในการรถไฟโดยเร็ว โดยเฉพาะ ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งการค้าและการลงทุนในภูมิภาคนี้จะเคลื่อนย้ายได้อย่างคล่องตัว หากการรถไฟพัฒนาได้เร็วก็จะได้ประโยชน์มหาศาล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ