ผลสำรวจล่าสุดของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เผยว่าภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคครัวเรือนในญี่ปุ่นยังคงลังเลที่จะกู้ยืมเงิน โดยความต้องการกู้ยืมเงินยังอยู่ที่ระดับลบ 14 จุดสำหรับภาคเอกชน, 1 จุดสำหรับภาครัฐ และลบ 15 จุดสำหรับภาคครัวเรือน
โดยผลสำรวจธนาคารใหญ่ 50 แห่งในญี่ปุ่นพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 66% เห็นว่าสภาพการกู้ยืมเงินของภาคเอกชนในเดือนนี้ยังซบเซาเท่ากับในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ 74% คิดแบบเดียวกันกับภาครัฐและภาคครัวเรือน
ขณะเดียวกันมีผู้ตอบแบบสอบถามเพียงไม่กี่รายที่เห็นว่าสภาพการกู้ยืมเงินดีขึ้น โดย 4% คิดว่าสภาพการกู้ยืมเงินของภาคเอกชนดีขึ้น, 14% สำหรับภาครัฐ และ 2% สำหรับภาคครัวเรือน แต่มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากที่คิดว่าสภาพการกู้ยืมเงินแย่ลง โดย 30% สำหรับภาคเอกชน, 12% สำหรับภาครัฐ และ 24% สำหรับภาคครัวเรือน
ขณะเดียวกัน 94% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าสภาพตลาดสินเชื่อและความต้องการกู้ยืมเงินของภาคเอกชนจะยังคงเดิมในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้, 90% คิดเช่นเดียวกันสำหรับภาครัฐ และ 82% คิดเช่นเดียวกันสำหรับภาคครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีธนาคารแห่งใดเลยที่คิดว่าความต้องการกู้ยืมเงินจะเพิ่มขึ้นสำหรับภาคครัวเรือน ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของธนาคารกลางญี่ปุ่น
รายงานสภาพเศรษฐกิจและการเงินรายเดือนซึ่งทางธนาคารกลางเผยแพร่ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า "อุปสงค์ของภาคเอกชนจะยังคงซบเซา โดยผลกำไร อัตราจ้างงาน และรายได้ของภาคเอกชนจะยังคงย่ำแย่" สอดคล้องกับรายงานหลายฉบับที่ธนาคารกลางเผยแพร่ไปในเดือนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าและมีเพียงไม่กี่ภาคส่วนที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ความต้องการกู้ยืมเงินเป็นปัจจัยที่แสดงถึงการลงทุนซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นผลสำรวจครั้งนี้จึงบอกเป็นนัยว่าคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ สำนักข่าวซินหัวรายงาน