ยอดส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนก.ย.ร่วงน้อยลง เพราะได้รับอานิสงส์จากการที่ทั่วโลกใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายซึ่งช่วยหนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น
กระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ยอดส่งออกสินค้าไปต่างประเทศของญี่ปุ่นลดลง 30.7% จากปีก่อนหน้านี้ เมื่อเทียบกับที่ลดลง 36% ในเดือนส.ค. แต่ยังร่วงหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 29.7% ขณะที่ยอดนำเข้าตกลง 36.9% ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้า 5.206 แสนล้านเยน (5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
บรรดาผู้ส่งออกของญี่ปุ่นได้ประโยชน์จากบรรยากาศการค้าโลกที่ดีดตัวขึ้นท่ามกลางปัจจัยหนุนของการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกและการใช้จ่ายของรัฐบาลกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะภาวะอุปสงค์ที่กระเตื้องขึ้นได้ช่วยหนุนให้ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวได้เป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
เดวิด โคเฮน นักวิเคราะห์จากบริษัทแอ็คชั่น อีโคโนมิกส์ ในสิงคโปร์กล่าวว่า "สถานการณ์โลกที่เริ่มดีขึ้นสะท้อนได้จากอุปสงค์สินค้าส่งออกทั่วโลกที่กระเตื้องขึ้นหลังจากที่ซบเซาอย่างหนักเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา"
บลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 08:56 น.ตามเวลาโตเกียว เงินเยนเคลื่อนไหวที่ระดับ 90.89 ดอลลาร์/เยน จากระดับ 90.80 ดอลลาร์/เยน
บลูมเบิร์กรายงานว่า การเปิดเผยยอดส่งออกของญี่ปุ่นในวันนี้เป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ถึงภาพรวมการส่งออกในเอเชียที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศการค้าโลกที่กำลังฟื้นตัว จากปัจจัยหนุนด้านอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของจีน โดยจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ล้านล้านหยวน (5.86 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างและสร้างแรงจูงใจผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นยอดขายในกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตรถ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรต่างๆ