นายเฮอิโซ ทาเคนากะ อดีตรมว.เศรษฐกิจและการคลังญี่ปุ่นโจมตีรัฐบาลญี่ปุ่นชุดใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้วว่าบ่อนทำลายแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
"รัฐบาลชุดนี้กำหนดนโยบายที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้เพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ร่วงลงอย่างรุนแรง ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ผมวิตกกังวลอย่างมากคือ รัฐบาลยังไม่มีนโนบายเศรษฐกิจที่ครอบคลุมอันจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของประเทศ" ทาเคนากะกล่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของนายทาเคนากะสะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลในกลุ่มนักวิเคราะห์ที่ว่า แผนการของนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐตรีญี่ปุ่นที่กระตุ้นภาคครัวเรือนนั้นอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เพียงเล็กน้อย แต่จะทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่มีหนี้สาธารณะมากที่สุดในโลก ดังนั้นรัฐบาลอาจเผชิญแรงกดดันให้ต้องทบทวนนโยบายในปีนี้เพื่อลดภาระหนี้สิน
นอกจากนี้ นายทาเคนากะ กล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจขยายตัวได้เพียง 2.5% ต่อปี หากรัฐบาลยังคงสานต่อนโยบายการผ่อนคลายข้อบังคับและลดภาษีนิติบุคคล พร้อมทั้งเสริมว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเริ่มชะลอตัวกว่า 1%
ด้านนายนาโอโตะ คัง รองนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวในเดือนนี้ว่า รัฐบาลยังไม่ต้องการกำหนดเป้าหมายการสร้างความสมดุลงบประมาณในขณะนี้ เพราะยังมุ่งเน้นที่การลดอัตราว่างงานให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งนายทาเคนากะมองในจุดนี้ว่า จริงอยู่ที่การใช้จ่ายเงินงบประมาณในบางเรื่องเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่หากรัฐบาลไม่ยอมปรับลดการใช้จ่ายก็อาจสร้างปัญหาเรื่องงบประมาณขาดดุลตามมา ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องดำเนินนโยบายโดยให้ความสำคัญ 2 ประเด็นนี้ไปพร้อมๆกัน
ทั้งนี้ นายฮาโตยามะกล่าวว่า ภารกิจสำคัญที่สุดของรัฐบาลชุดนี้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ