"นิวส์ คอร์ป" เผยกำไรไตรมาสแรกพุ่ง 11% พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ปีงบฯ 2553

ข่าวต่างประเทศ Thursday November 5, 2009 11:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท นิวส์ คอร์ป เผยกำไรไตรมาสแรกพุ่งสูงขึ้น 11% หลังภาพยนตร์จากค่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือทำรายได้ถล่มทะลายในบ็อกซ์ ออฟฟิศ ส่งผลให้บริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2553 เพิ่มมากขึ้น

รายได้สุทธิของนิวส์ คอร์ป ขยายตัวแตะที่ 571 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 22 เซนต์/หุ้น จากระดับ 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 20 เซนต์/หุ้นในปีก่อนหน้านี้ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 18 เซนต์/หุ้น แต่ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทลดลง 4.1% สู่ระดับ 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับคาดการณ์ในระดับ 7.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยกำไรจากแผนกธุรกิจภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 56% แตะระดับ 391 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในปีนี้ทเวนตี้ เซนจูรี้ ฟ็อกซ์เป็นค่ายหนังที่ทำรายได้สูงสุดอันดับ 4 ของสหรัฐ โดยเฉพาะภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง "ไอซ์ เอจ เจาะยุคน้ำแข็งมหัศจรรย์ 3 จ๊ะเอ๋ไดโนเสาร์" ที่กวาดรายได้จากการฉายทั่วโลกได้ถึง 880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนธุรกิจถ่ายทอดรายการผ่านเครือข่ายสัญญาณเคเบิลของนิวส์ คอร์ปนั้นทำรายได้เพิ่มขึ้น 41% แตะที่ 495 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรายการข่าวฟ็อกซ์ นิวส์ ทำกำไรรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยรายได้การดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 79%

ทั้งนี้ ฟ็อกซ์ นิวส์ และเครือข่ายรายการกีฬาทางสัญญาณเคเบิลของนิวส์ คอร์ป ทำรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น โดยนายรูเพิร์ธ เมอร์ดอค ประธานและซีอีโอของนิวส์ คอร์ปกำลังหาทางกระตุ้นค่าใช้จ่ายด้านธุรกิจคอนเทนท์ พร้อมวางแผนเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการข่าวบนเว็บไซต์ รวมถึงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากสถานีที่นำรายการในเครือข่ายของฟ็อกซ์มาออกอากาศซ้ำ

"ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ธุรกิจของเราเดินหน้าไปได้ดีกว่าเมื่อปีที่ผ่านมา" เมอร์ดอคกล่าวในแถลงการณ์ "เรายังคงยึดมั่นในจุดยืนที่จะพัฒนาธุรกิจให้ขยายตัวต่อไปในระดับโลก"

ด้านเดวิด เดโว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของนิวส์ คอร์ป กล่าวว่า สัดส่วนของผลกำไรจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นในระดับตัวเลขสองหลักในปีงบประมาณ 2553 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์เมื่อเดือนส.ค.ว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ระดับตัวเลขหลักเดียว โดยการปรับเพิ่มคาดการณ์ดังกล่าวพิจารณาจากรายได้จากการดำเนินงานที่ 3.44 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2552


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ