ผลผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐขยับขึ้นน้อยเกินคาดเพียง 0.1% ในเดือนต.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในอนาคตจะดำเนินไปอย่างทุลักทุเล เพราะแม้ว่า ตัวผลผลิตจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน แต่อัตราการเติบโตของตัวเลขดังกล่าวนั้นชะลอตัวลง
โดยผลผลิตในกลุ่มสินค้าภาคอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงานที่แข็งแกร่งมีส่วนช่วยกระตุ้นผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนที่ผ่านมา แต่อัตราการผลิตในโรงงานปรับตัวลดลง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้จะกลายเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคและภาคธุรกิจยังมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย และจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมภาคการผลิตในอนาคต
อัตราการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ดีดตัวดีขึ้นจากอานิสงส์ของมาตรการนำรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ (Cash for Clunkers) ของรัฐบาลได้ช่วยกระตุ้นผลผลิตอุตสาหกรรมให้ขยายตัวสดใสในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ยอดการผลิตรถในเดือนต.ค.หดตัวลงหลังจากที่มาตรการกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ครบกำหนดหมดอายุลงในเดือนส.ค.
ด้านผลผลิตในโรงงานลดลง 0.1% ในเดือนที่แล้วหลังจากที่ขยายตัวได้ 0.8% ในเดือนก.ย. ซึ่งนับเป็นการร่วงลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า หลายบริษัทในภาคอุตสาหกรรมต่างๆได้ปรับลดอัตราการผลิตสินค้าในเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องมือเครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมกระดาษ ปิโตรเลียม และถ่านหิน รวมไปถึงโลหะและสินค้าประเภทอื่นๆ
ทั้งนี้ นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า จากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ รวมถึงอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 10.2% ในเดือนต.ค.และมีแนวโน้มว่าจะทะยานไปอยู่ที่ 11% ในกลางปีหน้า ประกอบกับการคุมเข้มด้านการปล่อยสินเชื่อจะเป็นปัจจัยที่เหนี่ยงรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐในอนาคต