ดัชนีราคาบ้านของ Standard & Poor`s/Case-Shiller ระบุว่า ราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 0.3% แตะที่ 144.96 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งนับเป็นการพุ่งสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ดัชนีราคาบ้านที่เปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลายังพุ่งสูงขึ้น 3% จากระดับต่ำสุดในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าระดับ 30% จากจุดสูงสุดในเดือนเม.ย.2549
นอกจากนี้ ข้อมูลราคาที่อยู่อาศัยจากองค์กรการเงินเคหะการแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Housing Finance Agency) ย่ำฐานทรงตัวจากเดือนส.ค.-ก.ย.
นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาบ้านจะปรับตัวลดลงอีกครั้งในช่วงฤดูหนาวของปีนี้ เนื่องจากสหรัฐมีอัตราการยึดบ้านหลุดจำนองเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจยังไม่แข็งแกร่งมากนัก โดยรัฐบาลคาดว่า เศรษฐกิจขยายตัวที่ระดับ 2.8% ในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น และเชื่อว่าเศรษฐกิจในเดือนต่อไปจะยังไม่ดีไปกว่านี้ ขณะที่อัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นไปแตะที่ 11% ในปีหน้า จากปัจจุบันนี้ที่อยู่ในระดับ 10.2%
แดน กรีนฮอส นักวิเคราะห์จากบริษัท Miller Tabak & Co กล่าวว่า ตราบใดที่อัตราว่างงานยังคงเพิ่มขึ้น เราก็จะเห็นถึงแรงกดดันที่มีต่ออัตราการยึดบ้านหลุดจำนอง ซึ่งอาจหวนกลับมากดดันให้ราคาบ้านปรับตัวลดลงอีก
ทั้งนี้ ราคาบ้านเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าเจ้าของบ้านในสหรัฐจะรู้สึกถึงความมั่งคั่งมากขึ้นเมื่อมูลค่าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น และยังส่งผลต่อแนวโน้มการใช้จ่ายที่มีส่วนกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจตามมาด้วย