นายอากิระ นากาสึมะ รมว.แรงงานและสาธารณสุขญี่ปุ่นกล่าวในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นอาจสั่งห้ามโรงงานอุตสาหกรรมภายในประเทศไม่ให้จ้างพนักงานชั่วคราว และให้หันไปจ้างพนักงานเต็มเวลามากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นปลดพนักงานประจำจำนวนมาก และหันไปจ้างพนักงานชั่วคราวเพื่อลดต้นทุน ส่งผลให้อัตราว่างงานในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 5.7%
นายนากาสึมะกล่าวทางสถานีโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่นว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลก ภาวะเงินฝืดภายในประเทศ และสกุลเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นบีบให้ภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นลดการจ้างงานพนักงานเต็มเวลา โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสกุลเงินเยนแข็งค่าไปแล้ว 2.8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเริ่มจ้างพนักงานชั่วคราวมากขึ้นนับตั้งแต่รัฐบาลญี่ปุ่นผ่อนปรนกฏข้อบังคับด้านการจ้างงานในปี 2547 เพื่อพยุงตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวขึ้นด้วยการเปิดทางให้เอกชนจ้างงานได้ทั้งพนักงานเต็มเวลาและพนักงานชั่วคราว ซึ่งทำให้พนักงานชั่วคราวที่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นแทบจะไม่ได้รับสวัสดิการและหลักประกัน นายยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ หลังจากที่ได้เข้ารับตำแหน่งผู้นำในการบริหารประเทศเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเขาให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปเศรษฐกิจด้วยการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่กับการควบคุมราคาสินค้า และการแข็งค่าของเงินเยน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ขณะนี้มีสัญญาณบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในญี่ปุ่นขาดปัจจัยหนุนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ที่ขยายตัวได้ช้าที่สุดในรอบ 8 เดือน รวมถึงการที่ภาคเอกชนปรับลดตัวเลขการใช้จ่ายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 25.7% ในไตรมาสที่ผ่านมา และค่าจ้างแรงงานลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ซึ่งทำสถิติร่วงยาวนานที่สุดในรอบ 6 ปี
นักวิเคราะห์มองว่า ขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับปัญหาการแข็งค่าของเงินเยน ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็เผชิญความเสี่ยงด้านเงินฝืดอยู่มากทีเดียว และขณะนี้รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้งในปีหน้า ซึ่งจะต้องเน้นนโยบายที่ช่วยกระตุ้นการจ้างงานมากขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ผู้เลือกตั้งส่วนใหญ่ต้องการ