ผู้เชี่ยวชาญชี้บริษัทสัญชาติจีนอาจเดินหน้ากลยุทธ์การควบรวมกิจการขึ้นอีก 40% ในปีหน้า ขณะที่มูลค่าการทำข้อตกลงในต่างประเทศอาจพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.0-3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้
นสพ.ไชน่า เดลี่ รายงานอ้างคำกล่าวของนายหวัง เซียวกัง หุ้นส่วนของไพรซ์วอเตอร์แอนด์เฮ้าส์คูเปอร์สในประเทศจีนว่า ความเสี่ยงสำคัญของบริษัทจีนในการทำข้อตกลงควบรวมกิจการกับต่างประเทศคือความสามารถในการประเมินความเสี่ยงที่น้อยเกินไป โดยเฉพาะในแง่ของตัวเลขการเงินและตัวกฎหมาย
ปริมาณการทำข้อตกลงควบรวมกิจการของบริษัทต่างๆภายในประเทศจีน (ซึ่งรวมถึงฮ่องกงและมาเก๊า) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้กำลังขยายตัวคึกคักเหมือนกับเมื่อปี 2551 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำที่มีต่อการควบรวมกิจการของบริษัทในจีนเกิดขึ้นแค่ระยะสั้นๆเท่านั้น
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทจีนทำข้อตกลงควบรวมกิจการกว่า 1,800 สัญญาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่ตลอดทั้งปีอาจมีการทำธุรกรรมดังกล่าวราว 3,200 ฉบับ เมื่อเทียบกับปริมาณการทำข้อตกลงจำนวน 2,000 ฉบับในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 และ 3,797 ฉบับตลอดทั้งปีดังกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กลุ่มธุรกิจบริการด้านการเงินมีปริมาณการทำข้อตกลงสูงสุดในปีนี้ ตามด้วยกลุ่มธุรกิจก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม อัตราการทำข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ในต่างประเทศยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดการทำข้อตกลงดังกล่าวที่มีเพียง 400 สัญญาตลอดทั้งปี ซึ่งปรับตัวลดลง 40% จากปี 2551 เนื่องจากต่างชาติเองก็เผชิญปัญหาภายในประเทศซึ่งทำให้ต้องเบนเข็มการให้ความสำคัญจากการทำธุรกรรมควบรวมกิจการออกไปก่อน