นักวิเคราะห์คาดยอดค้าปลีกของสหรัฐในเดือนม.ค.มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 0.3% หลังจากที่ปรับตัวลดลงเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวล้วนเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคในปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่แล้ว
โดยการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐขยายตัวในอัตราเฉลี่ยที่ 2.4% ในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา แต่ตลอดทั้งปี 2552 พบว่า ยอดการใช้จ่ายภาคครัวเรือนหดตัวลง 0.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2517
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆของสหรัฐเริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ 5.7% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 ซึ่งทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนม.ค.ลดลงสู่ระดับ 9.7% จากที่เคยพุ่งแตะระดับ 10% ในเดือนธ.ค. ส่วนตัวเลขจ้างงานตกลง 20,000 ตำแหน่ง
จากอัตราว่างงานที่ลดลง และชั่วโมงทำงานต่อสัปดาห์ในเดือนม.ค.ที่สูงกว่าเดือนอื่นๆบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจในสหรัฐจะมีการจ้างงานใหม่มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้นด้วย ขณะที่ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่เริ่มเพิ่มการสำรองสินค้ากันบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกโดยรวมอาจเผชิญปัจจัยลบจากภาวะอุปสงค์ในตลาดยานยนต์ที่ซบเซาลงไปบ้าง หลังโตโยต้า ประกาศเรียกคืนรถหลายรุ่นในสหรัฐ ซึ่งข้อมูลจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า ยอดขายยานยนต์ปรับตัวลดลงในเดือนม.ค.หลังจากที่ขยายตัวขึ้นเป็นเวลา 3 เดือน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานยอดค้าปลีกประจำเดือนม.ค.ในคืนนี้ ตามเวลาในประเทศไทย