เงินเฟ้อของอินเดียขยายตัวเร็วขึ้นแตะ 8.56% ในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นจากระดับ 7.31% ในเดือนธันวาคม และจากระดับ 4.95% ในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว
ตัวเลขที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมกราคม 2553 ถือเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551 ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับคณะกรรมการกำหนดนโยบายในการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจอินเดีย ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชียดีดกลับมาขยายตัวเกือบ 8% ได้เร็วเกินคาด
เงินเฟ้อในกลุ่มอาหาร ซึ่งได้แรงหนุนจากอุปทานตึงตัวและภัยแล้ง ถือเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาเงินเฟ้อ โดยราคาอาหารทะยานขึ้น 17.4% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนเงินเฟ้อในกลุ่มพลังงานและเชื้อเพลิงอยู่ที่ระดับ 6.9% และในกลุ่มการผลิตอยู่ที่ 6.6%
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินเดียเพิ่งยกระดับคาดการณ์เงินเฟ้อประจำปีงบประมาณซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคมนี้ เป็น 8.5% จากระดับ 6.5%
แบงก์ชาติอินเดียได้เดินหน้าก้าวแรกในการชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจด้วยการสั่งเพิ่มการกันสำรองเงินสดเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผู้ว่าแบงก์ชาติยังได้แย้มด้วยว่า ธนาคารจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินเดียยังได้กดดันรัฐบาลมาโดยตลอดให้ควบคุมการใช้จ่ายด้วยการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ยกเลิกการลดภาษี ในการเสนองบประมาณใหม่ในวันที่ 26 ก.พ.นี้