เครือซีพีคาดปีนี้ไทยส่งออกข้าว 10 ล้านตัน, บาทแข็งมีผลมากว่าภัยแล้ง-ศัตรูพืช

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 16, 2010 17:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประสิทธิ์ ดำรงชิตานนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ซี.พี.เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ในเครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) กล่าวถึงสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยว่า ยังเชื่อว่าการส่งออกข้าวไทยในปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียง 10 ล้านตัน แม้ว่าจะต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายด้านทั้งเวียดนามประกาศลดค่าเงิน ซึ่งทำให้ราคาข้าวถูกกว่าข้าวไทยมากขึ้น แต่ก็มองว่า เนื่องจากข้าวไทยกับข้าวเวียดนามแข่งขันในคนละตลาดอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ก็ถือเป็นปัจจัยกดดันทางจิตวิทยาในสายตาที่มองว่าข้าวไทยมีราคาแพง

"จริงอยู่ในบางตลาดเราแพ้เวียดนามอยู่แต่ในภาพรวมเราก็ยังส่งออกข้าวสูงกว่าเวีดยนาม อีกอย่างคือเวียดนามมีข้อจำกัดเรื่องผลผลิต อยากให้มองเรื่องปริมาณผู้ซื้อและปริมาณความต้องการมากกว่าถ้าความต้องการซื้อมากขึ้นผมไม่ห่วงว่าเวียดนามจะขายถูกกว่าเรา"นายประสิทธิ์กล่าว

ส่วนกรณีที่อินเดียจะส่งออกข้าวในปีนี้ได้หรือไม่นั้น มองว่าเรื่องนี้ยังต้องจับตารอดูความชัดเจนกันต่อไปจนถึงปลายปี หากผลผลิตของอินเดียยังไม่ฟื้นก็ยังเป็นโอกาสที่ข้าวนึ่งของไทยในตลาดโลก

นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ในปีนี้ราคาเฉลี่ยสินค้าเกษตรทุกชนิดราคาดีทุกตัว รวมทั้งราคาส่งออกข้าวไทยในตลาดโลกน่าจะยังอยู่ราวๆ 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน หากมีปัจจัยมากดดันหรือสนับสนุนราคาก็อาจมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่บวกลบก็น่าจะอยู่ราวๆ 100-200 เหรียญ/ตัน

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าปัญหาของการส่งออกข้าวไทยในนั้น เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนก็มีส่วนสำคัญในประเทศที่มีการส่งออกข้าวแข่งกับเรา ฉะนั้น ความได้เปรียบเสียเปรียบเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนในระยะสั้นมีผล

ส่วนปัญหาภัยแล้งในบ้านเรา เอลนีโญ่ รวมถึงเพลี้ยกระโดดที่ทำลายต้นข้าว นายประสิทธิ์ มองว่า ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาใหม่ เป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ส่วนจะกระทบผลผลิตปีนี้หรือไม่ต้องบอกว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินภาพรวมในเวลานี้

ทั้งนี้ ปัญหาภัยแล้งเราต้องระวังเพราะตอนนี้เป็นการคาดการณ์ แต่ถ้าเกิดขึ้นย่อมมีผลกระทบในเชิงปริมาณและต้นทุน เพราะอาจจะทำให้ปริมาณปรับเปลี่ยน ต้นทุนก็อาจจะสูงขึ้น ส่วนเรื่องเพลี้ยกระโดด มองว่าแต่ละพืชก็มีปัญหาในลักษณะนี้แตกต่างกันไปตามสภาพอากาศ แต่เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คงพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อยู่แล้ว ทำให้เชื่อว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้มันไม่ใช่ปัญหาใหม่ ขึ้นอยู่กับความรุนแรง เพราะฉะนั้นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกๆ ส่วนในการตัดวงจร

"จะกระทบผลผลิตปีนี้หรือไม่ต้องบอกว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินภาพรวม เพราะไทยมีผลผลิตข้าวเกือบตลอดทั้งปี เพราะเรามีแหล่งชลประทาน แต่ต้นทุนน้ำก็สำคัญเพราะฉะนั้นการที่ภาครัฐพยายามขอร้องให้เกษตรกรงดทำนาปรังรอบ 2 เรื่องนี้เกษตรกรก็ควรฟังและให้ความร่วมมือ"นายประสิทธิ์ กล่าว

สำหรับ AFTA มองว่าทุกประเทศที่ตกลงกันก็ต้องมีส่วนที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ แต่ขอให้ภาพรวมทุกประเทศได้ประโยชน์มากกว่าเสียประโยชน์ คงไม่มีใครร่วมแล้วอยากเสียประโยชน์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ