นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ราคาที่อยู่อาศัยในสหรัฐประจำเดือนธ.ค.จะปรับตัวในอัตราที่น้อยลงจากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งอัตราการเคลื่อนไหวของมูลค่าบ้านปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน
โดยราคาที่อยู่อาศัยใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวลดลง 3.1% ซึ่งเป็นอัตราการร่วงลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2550 ส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. โดยคาดว่าดัชนีจะร่วงลงสู่ระดับ 55 จุดเมื่อเทียบกับระดับ 55.9 จุดในเดือนม.ค.เนื่องจากตลาดแรงงานที่ซบเซายังคงฉุดรั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้บ่งชี้ว่า ความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวในตลาดแรงงาน
จากราคาที่อยู่อาศัยที่ถูกลง ประกอบกับรายได้ผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้น และสินเชื่อภาครัฐที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ประชาชนกู้เงินซื้อบ้านได้มากขึ้นและช่วยสร้างเสถียรภาพต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นหนึ่งองค์ประกอบทางเศรษฐกิจ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2473
อย่างไรก็ตาม อัตราการยึดบ้านที่เพิ่มขึ้นและตลาดแรงงานที่อ่อนแอยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม
ทั้งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านของ S&P/Case-Shiller ในคืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย ขณะที่สำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอรด์จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเวลาต่อมา