ธนาคารกลางอินโดนีเซียปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2553 จากเดิม 5.6% เป็น 6% พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในไตรมาสแรกสู่ระดับ 5.7% จากเดิมที่ 4.8% หลังการใช้จ่ายผู้บริโภคขยายตัวดีขึ้น และเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาเติบโตได้ในอัตรา 4.5%
รองผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียกล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของธนาคารกลางว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีนี้อาจขยายตัวอยู่ระหว่าง 5.5%-6% ก่อนที่จะเพิ่มอัตราการขยายตัวเป็น 6-6.5% ในปีหน้า
ทั้งนี้ เศรษฐกิจทั่วภูมิภาคเอเชียกำลังฟื้นตัวขึ้นแซงหน้าภูมิภาคอื่นๆของโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจอินโดนีเซียที่ขยายตัวได้ดีกว่าประเทศอื่นๆในเอเชีย เนื่องจากอินโดนีเซียไม่ได้พึ่งพาการส่งออกมากนัก นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอินโดนีเซียยังคงแข็งแกร่งหลังบรรยากาศทางการเมืองภายในประเทศมีเสถียรภาพมากที่สุดนับตั้งแต่ซูฮาร์โต้พ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2541
สำหรับบรรยากาศภาคธุรกิจธนาคารนั้น PT Bank Mandiri สถาบันปล่อยเงินกู้รายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซียในแง่สินทรัพย์รายงานผลกำไรที่ 6.72 ล้านล้านรูเปียห์ในปี 2552 จากอุปสงค์เงินกู้ผู้บริโภคและบริษัทต่างๆที่พุ่งสูงขึ้น ส่วนตลาดหุ้นอินโดนีเซียในปีที่ผ่านมาขยายตัว 87% และเงินรูเปียห์แข็งค่าขึ้น 16% ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุดในกลุ่มสกุลเงินเอเชียที่ไม่นับรวมประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อของอินโดนีเซียอาจเคลื่อนไหวในอัตราเฉลี่ยที่ 4-6% ในปีนี้เมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยที่ 2.78% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3% นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 ถึง เดือนส.ค.2552 และตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 6.% นับจากนั้นเป็นต้นมาเพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะถดถอย
ทั้งนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.ที่พุ่งขึ้นเฉียดระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งประกอบด้วยการเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายด้านระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ระดับ 1.40 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างน้อย 6.6% ภายในสิ้นปี 2557