EPFR Global ซึ่งเป็นองค์กรที่ติดตามความเคลื่อนไหวของเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลก เปิดเผยในรายงานวันนี้ว่า ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) สามารถดึงดูดเม็ดเงินจากกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ได้สูงถึง 3.27 พันล้านดอลลาร์ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 7 เม.ย. ทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 เดือน และหนุนเม็ดเงินไหลเข้าตลาดในปีนี้พุ่งขึ้นเป็น 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มีอยู่ทั้งสิ้น 807 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 22 สัปดาห์
"กลุ่มเฮดจ์ฟันด์มีมุมมองที่เป็นบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงบวกของสหรัฐ จึงได้แห่เข้าเทรดในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ นอกจากนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในประเทศกลุ่มยังปรับตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนเม.ย." EPFR Global ซึ่งมีสำนักงานตั้งตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเซทส์ กล่าวในรายงาน
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI Emerging Markets Index พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก.ค. 2552 ในสัปดาห์นี้ เพราะได้แรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานและดัชนีภาคบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสหรัฐ รวมทั้งรายงานผลประกอบการภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และราคาน้ำมัน แร่ทองแดง และโลหะประเภทอื่นๆที่ปรับสูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ EPFR Global ระบุว่า กลุ่มเฮดจ์ฟันด์เข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีนเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 190 ล้านดอลลาร์ในรอบสัปดาห์ดังกล่าว ซึ่งทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.เป็นต้นมา ก่อนที่ทางการจีนจะเปิดเผยตัวเลขราคาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นและอาจทำให้ธนาคารกลางจีนตัดสินใจใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเงินเพื่อยับยั้งภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์