นายสรสิทธิ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายชัดเจนที่เกิดขึ้นต่อสถาบันการเงินที่ถูกไฟไหม้และตู้เอทีเอ็มที่ถูกทำลาย ซึ่งคาดว่าจะมีการรายงานความเสียหายในวันที่ 24 พ.ค.53 ขณะที่ ธปท.ยืนยันว่าสถาบันการเงินคงไม่มีค่าสูญเสียโอกาสในการทำธุรกิจ เพราะสถาบันการเงินมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง หากกระทบคงเป็นการให้บริการลูกค้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินอย่างแน่นอน โดยเฉพาะสาขาที่ถูกทำลายและบริเวณพื้นที่จุดเสี่ยง แต่ยืนยันว่าสถาบันการเงินยังไม่สูญเสียโอกาสในการดำเนินธุรกิจ เพราะสถาบันการเงินมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง หากกระทบคงเป็นการให้บริการลูกค้าเท่านั้น แต่สาขาที่ปิดให้บริการ ลูกค้ายังสามารถทำธุรกรรมทางการเงิน ได้ที่สาขาอื่น เนื่องจากข้อมูลของลูกค้าโยงกันหมด
"ยืนยันว่าเหตุเกิดเพลิงไหม้สถาบันการเงินทั้ง 5 แห่ง 17 สาขา ลูกค้าไม่ต้องวิตกกังวลใดๆทั้งสิ้น เพราะสถาบันการเงินทุกแห่งมีเอกสารสำรองอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสาร และข้อมูลต่างๆจะได้รับความเสียหาย ทั้งนี้หากลูกค้าต้องการทำธุรกรรมทางการเงินยังสามารถใช้บริการที่สาขาในห้างสรรพสินค้า หรือสาขาอื่นบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งการเข้าถึงข้อมูลต่างๆทางอินเตอร์เนตแบงก์กิ้งด้วย" นายสรสิทธิ์ กล่าว
สำหรับสถาบันการเงินในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ธปท.ไม่ได้มีคำสั่งพิเศษในการเปิดให้บริการ เนื่องจากโดยปกติสถาบันการเงินบริเวณดังกล่าวได้รับอนุญาตเปิดให้บริการวันหยุดทำการได้ แต่สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง หากเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปลอดภัย สถาบันการเงินแต่ละแห่ง สามารถปิดให้บริการชั่วคราวได้ทันที ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจแต่ละสถาบันการเงิน
นายสรสิทธิ กล่าวว่า การเปิดให้บริการศูนย์จัดการธนบัตร ทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ ในวันที่ 20-21 พ.ค.นี้ ยังไม่พบการเบิกถอนเงินผิดปกติ