จิตา วิราวัน ประธานคณะกรรมการประสานการลงทุนแห่งอินโดนีเซีย กล่าวแสดงความมั่นใจว่า วิกฤตหนี้กรีซจะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของอินโดนีเซีย เนื่องจากอินโดนีเซียมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังอาจได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ความขัดแย้งในประเทศไทย
เขากล่าวว่า เศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่งและการเมืองที่มีเสถียรภาพทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นจุดหมายการลงทุนที่ปลอดภัยในระยะยาวสำหรับต่างชาติ แม้ว่าจะมีเงินทุนไหลออกจากประเทศในช่วงนี้ แต่ก็คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ทำให้ปริมาณเงินทุนจากต่างประเทศเข้าสู่อินโดนีเซียลดลงในไตรมาสสอง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 41% แตะ 3.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรก
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวจากธนาคารกลางอินโดนีเซียเผยว่า เงินทุนไหลออกส่งผลให้ปริมาณสำรองเงินตราต่างประเทศของอินโดนีเซียลดลงมาอยู่ที่ราว 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.86 หมื่นล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนเม.ย.
"สิ่งที่เราทำสำเร็จในไตรมาสแรกนั้นสร้างความเชื่อมั่นได้มากพอ ผมเชื่อว่า เราสามารถคงแรงกระตุ้นนี้ต่อไปได้ในไตรมาสสอง ผมมีมุมมองที่เป็นบวกว่า การลงทุนจะขยายตัวในไตรมาสสอง และจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าการลงทุนลดลงแต่อย่างใด" นายวิราวันกล่าวทั้งนี้ อินโดนีเซียตั้งเป้าการลงทุนไว้มากกว่า 1,600 ล้านล้านรูเปียห์ (1.73 แสนล้านดอลลาร์) ในปีนี้ ซึ่งเขาคาดกว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้
ประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของอินโดนีเซียยังกล่าวด้วยว่า ปัญหาการเมืองในประเทศไทยและมาเลเซียอาจผลักดันให้นักลงทุนหันมาลงทุนในมาเลเซีย
เศรษฐกิจอินโดนีเซีย ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถตั้งรับวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 และ 2552 ได้เป็นอย่างดี โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 5.7% ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ เนื่องจากการลงทุน การส่งออก และการบริโภคที่แข็งแกร่ง และกระทรวงการคลังคาดว่า การขยายตัวจะอยู่ที่ 6% ตลอดปีนี้ และ 6.2 - 6.4% ในปี 2554
สำหรับสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีของอินโดนีเซียนั้น วิราวันคาดว่าจะพุ่งแตะ 27% ภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่ มารี เอลกา ปังเกสตู รมว.การค้าของอินโดนีเซีย ก็มีความเห็นในทำนองเดียวกันว่า วิกฤตหนี้กรีซจะไม่ส่งผลกระทบการส่งออกของอินโดนีเซีย เนื่องจากอินโดนีเซียไม่ได้ส่งออกไปยังยุโรปมากนัก เขากล่าวว่า อินโดนีเซียคาดการณ์ปัญหานี้ไว้อยู่แล้ว โดยมองว่า ตลาดยุโรปยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในปีนี้
"ผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกจะไม่เกิดขึ้น โดยจนถึงขณะนี้ เรายังไม่เห็นสัญญาณใดๆ" เธอกล่าวขณะแถลงต่อรัฐสภาในวันนี้
ทั้งนี้ อินโดนีเซียส่งออกสินค้าไปยุโรปเพียง 11.4% ของการส่งออกทั้งหมด โดยสินค้าได้แก่ รองเท้า สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์เหมืองแร่ และผลิตภัณฑ์ทางทะเล
กระทรวงการคลังคาดการณ์เมื่อต้นเดือนนี้ว่า การส่งออกของอินโดนีเซียจะดีดตัวขึ้นแตะ 15.8% ในปีนี้ หลังจากที่ลดลง 14.98% มาอยู่ที่ 1.16 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2552 โดยการส่งออกคิดเป็น 32% ของจีดีพีอินโดนีเซีย