รัฐบาลอังกฤษสั่งการกระทรวงต่างๆวางแผนลดรายจ่ายสูงสุด 40% พุ่งเป้าลดยอดขาดดุลงบประมาณ

ข่าวต่างประเทศ Monday July 5, 2010 11:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รัฐบาลอังกฤษได้สั่งการให้กระทรวงต่างๆ วางแผนลดงบประมาณการใช้จ่ายลงให้ได้มากถึง 40% ขณะที่นายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษพยายามหาลู่ทางที่จะลดยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้

นายฟิลิป แฮมมอนด์ รมว.คมนาคมอังกฤษเปิดเผยในรายการ "Andrew Marr Show" ทางสถานีโทรทัศน์ BBC 1 ว่า กระทรวงการคลังมีคำสั่งให้รัฐมนตรีเกือบทุกคน ร่างโครงการเพื่อลดการใช้จ่ายในเบื้องต้น 20% ซึ่งเป็นตัวเลขเฉลี่ยที่ออสบอร์นกำหนดไว้ในร่างงบประมาณเมื่อเดือนที่แล้ว และให้ลดการใช้จ่ายลงมากถึง 40% ภายในระยะเวลา 4 ปี

คณะรัฐบาลผสมระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคเสรีประชาธิปไตยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน กำลังเสนอให้มีการลดงบประมาณรายจ่ายและขึ้นภาษี เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 1.13 แสนล้านปอนด์ (1.72 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณลงจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับสูงถึง 11% ของจีดีพี โดยนายออสบอร์นจะกำหนดงบประมาณสำหรับแต่ละกระทรวงในระหว่างการทบทวนงบประมาณการใช้จ่ายในเดือนต.ค.นี้

ในการแถลงงบประมาณต่อรัฐสภาเป็นครั้งแรกของรัฐบาลผสมชุดใหม่ภายใต้การนำของนายคาเมรอนเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น นายออสบอร์นกล่าวว่า รัฐบาลจะใช้มาตรการเด็ดขาดในการจัดการกับหนี้สาธารณะ โดยจะพยายามเน้นไปที่การลดรายจ่ายมากกว่าการขึ้นภาษี พร้อมเผยว่า รัฐบาลจะตัดรายจ่ายประจำเพิ่มอีก 3 หมื่นล้านปอนด์ (4.4 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่อปีภายในปีงบประมาณ 2557 - 2558

สำนักงานรับผิดชอบงบประมาณ (Office for Budget Responsibility : OBR) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งใหม่ของอังกฤษ ได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นขยายตัว 2.6% ในปี 2554 ซึ่งลดลงจากระดับ 3.25% ที่รัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ จากพรรคแรงงานได้ประเมินไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ