ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เผยภาคเอกชนสนับสนุนให้ภาครัฐเปิดการเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป(อียู) ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว แต่ขอให้ภาครัฐเตรียมความพร้อมให้กับอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีเพื่อรองรับการแข่งขัน โดยเตรียมจัดประชุมระดมความเห็นจากภาคเอกชนครั้งสุดท้าย 15 ก.ค.นี้ก่อนรวมรวบความเห็นเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)
นายอัครพล ลีลาจินดามัย ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเพื่อรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนต่อการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป(อียู) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการฯ ใกล้จะสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนไทยต่อการทำเอฟทีเอกับอียูแล้ว หลังจากได้เปิดรับฟังความคิดเห็นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.53 โดยภาพรวมเอกชนส่วนใหญ่เห็นว่าการทำเอฟทีเอกับอียูจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว
"ภาคเอกชนส่วนใหญ่เห็นว่าการจัดทำเอฟทีเอจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว แต่มีข้อเสนอแนะว่าภาครัฐต้องระวังสินค้าและบริการของไทยที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันน้อยด้วย" นายอัครพล กล่าวผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ภาคเอกชนเสนอให้ภาครัฐเร่งเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเสรี รวมทั้งต้องพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรเฉพาะด้าน และพัฒนาด้านวิจัยและพัฒนา ผลักดันให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการของอียูแก่ไทย แลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี มีระบบการเตือนภัยทางการค้าล่วงหน้า และกลไกการหารือในประเด็นเทคนิค หากสหภาพยุโรปจะออกมาตรการทางที่มิใช่ภาษีใหม่ๆ
อย่างไรก็ตามเพื่อให้ครอบคลุมและเก็บตกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังไม่ได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น คณะอนุกรรมการฯ เตรียมจัดเวทีใหญ่อีกครั้งในหัวข้อ "เอกชนไทยคิดอย่างไร พร้อมหรือไม่ต่อ THAI-EU FTA" ในวันที่ 15 ก.ค.นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น เพื่อที่คณะอนุกรรมการฯ จะได้รวบรวมความเห็นและรายงานผลสรุปต่อคณะกรรมการเพื่อรับฟังความคิดเห็นฯ และ ครม.ต่อไป