สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อวันอังคาร นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากภาวะการซื้อขายที่อ่อนแอในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 6.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,207.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1216.3 - 1206.0 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 3.30 เซนต์ ปิดที่ 18.29 ดอลลาร์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 9 เซนต์ ปิดที่ 3.0085 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 14.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,520.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 3.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 465.80 ดอลลาร์/ออนซ์
ในช่วงเช้านั้น สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนแอลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ร่วงลงอย่างหนัก แต่สัญญาทองคำร่วงลงในช่วงบ่ายและปิดทำการในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อวันอังคาร
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำยังผันผวนอันเนื่องมาจากความอ่อนแอของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.0 - 3.5% ซึ่งน้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวราว 3.2 - 3.7% และคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะอยู่ที่ระดับ 9.2 - 9.5% ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 9.1 - 9.5%
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เข้าถือครองทองคำแท่งที่ระดับ 1,314.819 ตันในช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ก.ค. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากวันที่ 12 ก.ค.